“ดีอี” ปราบ “โจรออนไลน์” ระงับบัญชีกว่า 340,000 เคส ในรอบ 1 ปี

นนทบุรี 14 พ.ย. – กระทรวงดีอี เผยผลงาน 1 ปี AOC 1441 ร่วมหน่วยงานพันธมิตร ลุยปราบ “โจรออนไลน์” ระงับบัญชีต้องสงสัยแล้วกว่า 340,000 เคส มูลค่าความเสียหาย 19,000 ล้านบาท


นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เป็นประธานการแถลงข่าวผลการดำเนินงานการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์และภาพรวมของศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (Anti Online Scam Operation Center: AOC) ตลอดช่วงระยะเวลา 1 ปี (1 พ.ย.66- 14 พ.ย.67) ว่า กระทรวงดีอี ได้ออกพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. ๒๕๖๖ และมีการจัดตั้งคณะกรรมการตามพระราชกำหนดฉบับนี้ขึ้น ซึ่งคณะกรรมการดังกล่าว ได้มีมติให้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านอาชญากรรมออนไลน์ AOC1441 โดยกระทรวงดีอีได้จัดตั้งศูนย์ AOC 1441 และเปิดรับสายเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 ซึ่งมีบทบาทและการดำเนินงานสำคัญที่ผ่านมา สรุปได้ดังนี้

1.ศูนย์ AOC สายด่วน 1441 จำนวน 100 คู่สาย ให้บริการแบบ One Stop Service ตลอด 24 ชั่วโมง สามารถระงับ/อายัดบัญชีของคนร้าย (บัญชีม้า) ให้แก่ผู้เสียหายได้ทันทีภายหลังจากรับสาย เฉลี่ยภายใน 10 นาที และส่งข้อมูลต่อให้ตำรวจเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ซึ่งเป็นการช่วยเหลือผู้เสียหาย ไม่ต้องติดต่อหรือเดินทางไปแจ้งอายัดกับธนาคาร รวมถึงการติดตามสถานะการแก้ไขปัญหาให้ผู้เสียหาย


2.ศูนย์ AOC เป็นศูนย์กลางในการประสาน เชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานเพื่อทำการวิเคราะห์และบูรณาการข้อมูลเพื่อส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปวิเคราะห์ เช่น หาบัญชีม้าแถว 2 แถว 3 หารายชื่อผู้ขายบัญชีม้า และคนร้ายที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนทำงานเชิงรุกเพื่อแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ที่สร้างความเสียหายต่อประชาชน เศรษฐกิจและสังคมในวงกว้าง

3.ศูนย์ AOC เป็นกลไกสำคัญของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ในการประสานงาน บูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ธนาคารแห่งประเทศไทยยกระดับมาตรการจัดการภัยทุจริตทางการเงิน หรือ มาตรการสกัดบัญชีม้า จัดกลุ่ม ม้าดำตามฐานข้อมูล HR03 สำนักงาน ปปง. ม้าเทาตามฐานข้อมูล CFR และม้าน้ำตาลตามบัญชีที่ธนาคารพาณิชย์ต้องสงสัย และสำนักงาน กสทช. ได้ออกมาตรการจัดการซิมผีหรือซิมม้า และการจัดการเสาโทรคมนาคมหรือสายสัญญาณอินเทอร์เน็ตตามเขตชายแดนที่มีการลักลอบปล่อยสัญญาณเถื่อน

จากการดำเนินงานของศูนย์ AOC ที่ผ่านมา ทำให้ได้รับข้อมูลเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในการวางแผน วิเคราะห์ และกำหนดนโยบายหรือมาตรการในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมทางออนไลน์ได้อย่างตรงจุด โดยจากข้อมูลสถิติการปฏิบัติงานของศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ หรือ AOC ที่รวบรวมตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2566 ถึง 31 ตุลาคม 2567 มีรายละเอียด ที่สำคัญดังนี้


สถิติการแจ้งเหตุและผลการดำเนินงานของศูนย์ AOC
ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2566 – ตุลาคม 2567 ศูนย์ AOC มีจำนวนการโทรเข้า 1441 ทั้งหมด 1,176,512 สาย และจำนวนการระงับบัญชีที่ต้องสงสัยอยู่ที่ 348,006 เคส ซึ่งแสดงถึงปัญหาการหลอกลวงทางออนไลน์ที่รุนแรงและขยายวงกว้าง โดยมีมูลค่าความเสียหายรวมประมาณ 19,000 ล้านบาท

กลุ่มอายุของผู้เสียหาย เมื่อพิจารณาตามช่วงอายุ
•กลุ่มอายุต่ำกว่า 20 ปี คิดเป็น 9,800 เคส มูลค่าความเสียหาย 193 ล้านบาท โดยผู้หญิงมีสัดส่วน 61.44 % ส่วนใหญ่ตกเป็นเหยื่อของการหลอกขายสินค้า/บริการที่ไม่เป็นขบวนการ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์
•กลุ่มอายุ 20-49 ปี มีจำนวนสูงสุด 145,302 เคส มูลค่าความเสียหาย 8,223 ล้านบาท โดยผู้หญิงเป็นเหยื่อประมาณ 64.05% ซึ่งในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ตกเป็นเหยื่อของการหลอกโอนเงินเพื่อการหารายได้พิเศษ และการหลอกลงทุนออนไลน์
•กลุ่มอายุ 50-64 ปี และ อายุ 65 ปีขึ้นไป คิดรวมเป็น 41,901 เคส มูลค่าความเสียหายรวม 7,769 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่ตกเป็นเหยื่อของการหลอกลงทุนออนไลน์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่ากลุ่มผู้สูงอายุยังคงมีความเสี่ยงสูงในการถูกหลอกในลักษณะนี้

ทั้งนี้ พบว่ากลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือกลุ่ม 20-49 ปี ซึ่งมีจำนวนเคสสูงถึง 145,302 เคส รองลงมาคือกลุ่ม 50-64 ปี โดยพบว่าคดีที่พบบ่อยที่สุดในกลุ่มนี้คือ คดีหลอกโอนเงินเพื่อหารายได้พิเศษ และ คดีหลอกลงทุนออนไลน์ ซึ่งบ่งบอกถึงความสนใจและความเชื่อมั่นในโอกาสในการหารายได้ผ่านช่องทางออนไลน์ของกลุ่มในวัยนี้ และทำให้กลายเป็นกลุ่มเป้าหมายของมิจฉาชีพ

ด้านช่องทางการหลอกลวงที่พบมากที่สุด พบว่าเป็นช่องทางโซเชียลมีเดีย คือ Facebook จำนวน 26,804 เคส คิดเป็นมูลค่าความเสียหาย 718 ล้านบาท ตามมาด้วย Call Center มี 22,299 เคส มีมูลค่าความเสียหาย 945 ล้านบาท รวมทั้งช่องทาง เว็บไซต์ (16,510 เคส, 1,148 ล้านบาท), TikTok (994 เคส, 65 ล้านบาท) และช่องทางอื่น ๆ (20,518 เคส, 1,262 ล้านบาท)

ขณะที่จังหวัดที่มีการรับแจ้งเหตุและระงับบัญชีมากที่สุด ได้แก่
• กรุงเทพมหานคร – มีการแจ้งเหตุ 84,241 ครั้ง และระงับบัญชี 48,558 บัญชี
• สมุทรปราการ – แจ้งเหตุ 17,853 ครั้ง และระงับบัญชี 10,968 บัญชี
• นนทบุรี, ชลบุรี, ปทุมธานี ตามลำดับ

สำหรับสถิติการแจ้งความคดีอาชญากรรมออนไลน์รวมทุกประเภท ในช่วงเดือนตุลาคม 2566 ถึงเดือนกันยายน 2567 ในภาพรวม พบว่า สถิติการแจ้งความคดีออนไลน์ มีแนวโน้มลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะเดือน ส.ค. และ ก.ย.2567 ที่มีการแจ้งความคดีออนไลน์ 32,266 และ 29,579 คดี ซึ่งลดลงจากช่วง พ.ค – ก.ค.67 ที่มีจำนวนเฉลี่ยประมาณ 35,000 คดีต่อเดือน. -513-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”