กรุงเทพฯ 6 พ.ย. – นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) กล่าวถึงการเลือกตั้งประธานธิบดีสหรัฐว่า ภาคเอกชนจับตาผลการเลือกตั้งอย่างใกล้ชิด และเชื่อว่าไม่เฉพาะภาคเอกชนเท่านั้น รัฐบาลเองก็ติดตามอย่างใกล้ชิดเช่นกัน เพราะไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาอย่างไร ประเทศไทยก็ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะการส่งออก จากมาตรการกีดกันทางการค้ารอบใหม่ แต่ความรุนแรงอาจจะแตกต่างกัน ซึ่งเมื่อเช้าตนเองก็ได้รับเชิญให้เข้าร่วมสังเกตการณ์ที่สถานทูตสหรัฐฯ เห็นได้ชัดว่าทุกคนลุ้นมากว่าใครจะได้นั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ในมุมองของตนเองมองว่า หากโดนัล ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดี ก็คงไม่ได้สนใจเรื่อง Climate change หรือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสักเท่าไหร่ จะเน้นนโยบาย อเมริกาเฟิร์ส รวมถึงการเพ่งเล็งประเทศที่ได้ดุลการค้า ซึ่งประเทศไหนที่ได้ดุลการค้าก็คงถูกเพิ่งเล็งมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มาสินค้าที่เกินดุลการค้าสูงและมูลค่าการส่งออกขยายตัวได้ดี เช่น ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ เซมิคอนดักเตอร์ ยางล้อ และกลุ่มสินค้าเกินดุลปานกลาง และมูลค่าการส่งออกที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว เช่น เครื่องปรับอากาศ โซลาร์เซล เป็นต้น
“เรื่องเศรษฐกิจ ทรัมป์เป็นคนพูดตรงไปตรงมา หากมีการขึ้นภาษีสินค้านำเข้า ไทยก็คงไม่เสียเปรียบมากเท่าจีน เช่น การขึ้นภาษี EV จากจีน ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้เห็นการย้ายฐานผลิต EV จากจีนมาไทย ซึ่งเชื่อว่าหากทรัมป์มา การลงทุนในเราจะเพิ่มขึ้น แต่ทั้งนี้ไทยก็ต้องไม่ทำให้สหรัฐรู้สึกว่า จีนแค่ย้ายฐานมาแต่ยังใช้ซัพพลายทั้งหมดจากจีนไม่ใช้ made in thailand อย่างแท้จริง ดังนั้นซัพพลายควรจะเป็นของไทย ซึ่งผู้ประกอบการไทยก็ต้องพร้อมเสริฟซัพพลายทั้งหมด” นายสนั่น กล่าว
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเรื่องใหม่ เมื่อครั้งที่ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสมัยแรก ทุกภาคส่วนก็ได้ไปแสดงถึงความจริงใจที่ไทยจะไปลงทุนที่อเมริกา จึงคิดว่าไทยจะสามารถจัดการ และปรับตัวได้
แต่หากผู้ชนะคือ กมลา แฮร์ริส กติกาโลกต่าง ๆ จะถูกเน้นย้ำ และให้ความสำคัญมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น IMF, WTO, world bank สิทธิมนุษยชน สิ่งแวดล้อม ซึ่งผิดกับทรัมป์ ซึ่งไทยจะต้องติดตามความคืบหน้าของนโยบายเหล่านี้ต่อไป ที่สำคัญภาครัฐและเอกชนต้องเตรียมหาแนวทางร่วมกันรับมือกับนโยบายที่จะมีการเปลี่ยนแปลงภาคเอกชนไทย
ย้ำผลการเลือกตั้งที่จะออกมา ไทยได้รับผลกระทบไม่มาก แต่ก็ต้อมยอมรับว่าสินค้าที่นำเข้าจากไทยเป็นสินค้าจำเป็น หากมีการขึ้นภาษี สินค้าในอเมริกาก็แพงขึ้น เงินเฟ้อมากขึ้น อเมริกาทิ้งไทยไม่ได้อยู่แล้ว เพราะไทยมีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ และมีความสัมพันธ์อันดีอยู่แล้วกับสหรัฐฯ เสมอมา.-517-สำนักข่าวไทย