ทำเนียบ 28 ต.ค.- “นลินี ทวีสิน” เผยการเจรจาจัดทำบันทึกว่าด้วยการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมว่าด้วยการค้าและความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย-เบลารุส ใกล้จบ เชื่อเป็นกลไกสำคัญในกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ ขอเบลารุสสนับสนุนเจรจา FTA ไทย – สหภาพเศรษฐกิจยูเรเชีย (EAEU)
นางนลินี ทวีสิน ผู้แทนการค้าไทย เปิดเผยภายหลังการหารือกับนายวลาดีมีร์ บาราวีคอฟ (H.E. Mr. Uladzimir Baravikou) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเบลารุสประจำประเทศไทย ถิ่นพำนัก ณ กรุงฮานอย ว่า เบลารุสถือเป็นตลาดใหม่ที่มีศักยภาพของประเทศไทย ด้วยเหตุผลหลักคือจากการที่เบลารุสเป็นสมาชิกสหภาพเศรษฐกิจยูเรเชีย (Eurasian Economic Union – EAEU) ซึ่งประกอบไปด้วยสมาชิกทั้งหมด 5 ประเทศ ได้แก่ เบลารุส คาซัคสถาน คีร์กีซสถาน อาร์มีเนีย และรัสเซีย ถึงแม้ในปัจจุบันการค้าระหว่างไทยกับเบลารุสยังไม่มากนัก แต่ตนเชื่อว่าหากนักธุรกิจทั้งสองฝ่ายได้มีโอกาสในการพบปะเพื่อทำความรู้จักซึ่งกันและกัน รวมทั้งมีข้อมูลทางการค้าในเชิงลึก ตลอดจนการประสานงานอย่างใกล้ชิด ทั้งในระดับภาครัฐและเอกชน จะเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มมูลค่าการทั้งสองประเทศ ตนจึงได้ใช้โอกาสนี้เชิญชวนนักธุรกิจเบลารุส ให้เข้าร่วมงานแสดงสินค้าที่จัดขึ้นในไทย อาทิ งาน Thaifex Anuga Asia หรืองาน Style Bangkok เนื่องจากการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าจะเป็นโอกาสอันดีที่ผู้ประกอบการของสองฝ่ายได้พบปะเจรจาธุรกิจระหว่างกัน ตลอดจนเป็นการเปิดตัวและแนะนำสินค้าให้นักลงทุนและผู้บริโภคของอีกฝ่ายได้รับทราบ
ผู้แทนการค้าไทย ยังกล่าวว่า ตนและทูตเบลารุสยังได้หารือถึงความคืบหน้าในการเจรจาจัดทำบันทึกว่าด้วยการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมว่าด้วยการค้าและความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย-เบลารุส ซึ่งครอบคลุมสาขาความร่วมมือทั้งหมด 12 สาขา ครอบคลุมทั้งประเด็นด้านการค้า การลงทุน ท่องเที่ยว และวัฒนธรรม โดยเห็นพ้องว่า ความตกลงทางการค้าไทย-เบลารุสจะเป็นกลไกในการส่งเสริมและขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น ซึ่งในขณะนี้การเจรจามีความคืบหน้าไปมาก และเหลือพิจารณาอีกเพียงไม่กี่ประเด็นการเจรจาก็จะเสร็จสมบูรณ์
นางนลินี ยังกล่าวว่าได้ใช้โอกาสนี้ ขอให้ฝ่ายเบลารุสสนับสนุนการจัดทำความตกลง FTA ไทย-EAEU ซึ่งจากการศึกษาและการประเทินถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับเบื้องต้นพบว่า การจัดทำการค้าเสรี ระหว่างไทยกับ EAEU จะส่งผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจของไทย ทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยจะเพิ่มขึ้น การส่งออกของทั้งไทยและกลุ่มประเทศ EAEU จะขยายตัวอย่างเห็นได้ชัด สวัสดิภาพของประชากรดีขึ้น การจ้างงานของไทยเพิ่มขึ้น การบริโภค การลงทุน และการใช้จ่ายภาครัฐของไทยเติบโตขึ้น การเจรจา FTA ไทย-EAEU ยังจะเป็นการส่งเสริมบทบาทของไทยในฐานะครัวโลก (Kitchen of the world) และเป็นทางออกเรื่องความมั่นคงทางอาหารให้กับภูมิภาค EAEU เนื่องจากสินค้าและบริการไทยที่จะได้ประโยชน์จากการเปิดเสรี รวมถึง สินค้าน้ำตาล อ้อย และข้าว ซึ่งก็สอดคล้องกับนโยบายสำคัญของรัฐบาลนายกฯ แพทองธาร ในการเพิ่มรายได้ และขยายโอกาส ให้ผู้ประกอบการและประชาชน นอกจากนี้ยังได้หารือถึงเรื่องการประชาสัมพันธ์และความร่วมมือด้าน Soft power ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมด้าน วัฒนธรรม อาหาร และการท่องเที่ยวไทยอีกด้วย
ทั้งนี้ ในปี 2566 เบลารุสเป็นคู่ค้าอันดับที่ 125 ของไทยในตลาดโลก และเป็นคู่ค้าอันดับที่ 3 ของไทยในกลุ่มประเทศสมาชิก EAEU รองจากรัสเซีย และคาซัคสถาน โดยมีมูลค่าการรวมระหว่างกันอยู่ที่ 55.71 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยสินค้าสำคัญที่ไทยส่งออกไปเบลารุส ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่น ๆ เม็ดพลาสติก ผ้าปักและผ้าลูกไม้ รวมถึง ก๊อก วาวล์และส่วนประกอบ .314.-สำนักข่าวไทย