fbpx

พปชร.เปิดฉากชำแหละ “ดิจิทัลวอลเล็ต”

พรรคพลังประชารัฐ 17 ก.ย.- พปชร. เปิดฉากฝ่ายค้านนอกสภาฯ​ “สนธิรัตน์​-อุตตม-ธีระชัย” ชำแหละ “ดิจิทัลวอลเล็ต” เป็นพายุหมุนหรือฝนหลงฤดู​ เย้ย​ สุดท้ายก็เลือกแจกเป็นเงินสด​ ลั่น​ ไม่อยากเห็นโครงการเรือธง​ กลายเป็นโครงการเรือล่ม​


ทีมเศรษฐกิจพรรคพลังประชารัฐ​ ประกอบด้วย นายอุตตม สาวนายน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ประธานยุทธศาสตร์ด้านวิชาการ ร่วมแถลงข่าวตรวจสอบนโยบายรัฐบาล แถลงต่อรัฐสภา

นายสนธิรัตน์​ สนธิจิรวงศ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะหัวหน้าศูนย์นโยบายและวิชาการ กล่าวชำแหละนโยบายรัฐบาลในฐานะฝ่ายค้าน​ ว่า​ วันนี้​ดิจิทัลวอลเล็ตผ่านที่ประชุมคณะรัฐมนตรีแล้ว และถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก เพราะเป็นนโยบายเรือธงของรัฐบาล สิ่งที่เราไม่สบายใจคือโครงการนี้​ เดินอยู่บนความไม่แน่นอนของรัฐบาล​ ที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบโครงการหลายครั้ง จนสุดท้ายตอนนี้มีการแจกเป็นเงินสด​ ซึ่งแตกต่างกับที่หาเสียงไว้ว่าเป็นดิจิทัลวอลเล็ต มีคำถามตามมา ว่า​ เรื่องนี้ถูกต้องหรือไม่ แต่สิ่งที่เราเห็นด้วยมาตลอด คือการแจกให้กับกลุ่มเปราะบาง​ ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกันกับที่พรรคพลังประชารัฐ​ ใช้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2561 มันชัดเจนว่า​ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐกลายเป็นโครงสร้างหลัก และหวังเป็นอย่างยิ่ง​ ว่า​ จะให้ความสำคัญกับร้านธงฟ้าประชารัฐด้วย​


นายสนธิรัตน์​ ยังกล่าวต่อว่า​ เรื่องที่รัฐบาลหวัง​ ว่า​ จะเป็นพายุหมุนทางเศรษฐกิจ ผลักดัน GDP ได้ 0.35 % ต่อปี​ คำถามคือ​ มันจะเป็นพายุหมุน ที่คุ้มค่ากับงบประมาณที่เสียไปหรือไม่​ หรือสุดท้ายมันจะเป็นแค่ฝนหลงฤดู สิ่งที่เราจะตรวจสอบต่อไป คือ​ โครงการนี้ลดการเติบโตในด้านอื่นๆหรือไม่

“สุดท้ายด้วยความเป็นห่วงในโครงการนี้​ มีผู้ลงทะเบียนถึง 36 ล้านคน รัฐบาลสัญญาว่าจะดำเนินการให้แน่นอน แต่มันกลับมีเครื่องหมายคำถาม ว่าจะทำอย่างไร​ ทำวิธีใด​และสำคัญที่สุดงบประมาณมันจะมาจากไหน พรรคพลังประชารัฐอยากเห็น โครงการเรือธงของรัฐบาลเป็นโครงการที่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ได้ ไม่อยากเห็นโครงการเรือธงกลายเป็นโครงการเรือล่ม​ ออกสตาร์ทแค่ปากอ่าว แต่ไปได้ไม่ไกล” นายสนธิรัตน์ กล่าว

นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ประธานกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ​ กล่าวถึงโครงการกองทุนรวมวายุภักษ์ ของกระทรวงการคลัง ว่า​ เป็นโครงการที่มีปัญหา​ เฉือดเนื้อคนจนไปแปะให้คนรวย​ เพราะทรัพย์สินของรัฐทั้งหมดเป็นของประชาชนทั้งประเทศ แต่นำไปอุดหนุนให้กับคนที่จะมาร่วมลงทุน แค่หลักพันหลักหมื่น ซึ่งเป็นลูกหนี้ที่ไม่ถูกต้อง ในการที่ขยายขอบเขต กองทุนวายุภักษ์​ จากที่เป็นการระดมทุนในปี 2546 สมัยนายกฯ ทักษิณ​ ชินวัตร​ เป็นการระดมมาเพื่อใช้ในกิจการภาครัฐ แต่ครั้งนี้นอกจากเป็นการเอามาลงในหุ้นตลาดหลักทรัพย์​ ยังนำไปลงทุนหุ้นนอกตลาดหลักทรัพย์​ ทั้งในเรื่องทองคำ​ น้ำ​มันดิบ​ สินค้าโภคภัณฑ์​ หุ้นกู้​ขยะ​ หากอยู่ในวงการพระ อาจเรียกได้ว่า “ไม่ใช่กิจของสงฆ์​” เพราะไม่ใช่วัตถุประสงค์ และอำนาจหน้าที่ของกระทรวงการคลัง ตนมองว่าเกินเลย


นอกจากนี้ หนังสือเชื้อชวนให้ลงทุน แม้จะมีการบอกว่าไม่รับประกัน แต่คนที่อ่านกฎหมายเป็นจะบอกได้เลยว่า มีผลของการประกัน ทั้งในเรื่องของผลตอบแทน และการประกันเงินต้นโดยอัตโนมัติ เพราะกองทุนนี้มีกำไรสะสมอยู่แล้ว 1.4 แสนล้านบาท​ ดังนั้นจึงเห็นว่าเป็นการดำเนินการที่ไม่เป็นธรรมกับประชาชน เพราะกำไรสะสม 1.4 แสนล้าน และทรัพย์สินที่มีอยู่ 3.5 แสนล้านเป็นของภาครัฐ ที่กระทรวงการคลังถือแทนประชาชนทั้งประเทศ ซึ่งถ้าเป็นเงินข้าราชการ ​กบข. ก็ถือหลักผลประโยชน์แทนข้าราชการที่เป็นสมาชิก

นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงที่จะผิดกฎหมาย ซึ่งคนที่ดำเนินการอ้างว่า ทำได้เนื่องจากมีมติ ครม. กำกับเอาไว้ ซึ่งตนกังวลแทนเจ้าหน้าที่กระทรวงการคลัง ที่เป็นลูกน้องเก่าของตน ต้องเข้าใจว่า กบข. หรือกองทุนประกันสังคม เขามีกฎหมายเฉพาะ แต่มติ ครม. ไม่มีอำนาจเหมือนทั้ง​ 2 กองทุนข้างต้น​ที่มีเงิน​ ซึ่งจะต้องไปขออนุญาตจากทาง กบข. และกองทุนประกันสังคม เนื่องจากเป็นหน่วยลงทุนรายใหญ่​ ครม.ไม่มีอำนาจดำเนินการนอกเหนือจากกฎหมายที่ตั้ง 2 กองทุนนี้

ขณะเดียวกัน เงินของ กบข. และกองทุนประกันสังคม ที่อยู่ในกระทรวงการคลัง ถือว่าเป็นเงินของแผ่นดิน การใช้เงินแผ่นดินจะต้องทำเป็นกฎหมาย อยู่ดีๆจะนำเงินไปมอบให้กับผู้จัดการกองทุน ไปแจก หรือนำไปอุดหนุน หรือชดเชยเพื่อคุ้มครองเงินต้น ถือว่าไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ การใช้เงินแผ่นดินมีรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ ที่จะต้องออกเป็นกฎหมายผ่านรัฐสภาเท่านั้น

นายธีระชัย กล่าวต่อว่า ปัญหาทั้งหมดได้ทำเป็นจดหมายเปิดผนึก ส่งถึงนางสาวแพทองธาร ชินวัตร​ นายกรัฐมนตรี ให้รับทราบไปแล้วถึง 4 ฉบับ หากเห็นด้วยกับตนว่ามีปัญหา เสี่ยงกับการผิดกฎหมาย นายกรัฐมนตรีจะต้องมีปฏิกิริยา ไม่เช่นนั้นจะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมกันนี้ยังทำจดหมายอย่างเป็นทางการแจ้งไปยังประธานคณะกรรมการ กบข. และเลขาธิการกองทุนประกันสังคม ให้รับทราบแล้ว ทุกคนมีหน้าที่ต้องดูแลตัวเอง

ด้าน นายอุตตม สาวนายน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับรัฐบาลที่กำหนดการแก้หนี้เป็นนโยบายเร่งด่วนลำดับแรกของคณะรัฐมนตรี แต่ก็มีข้อเสนอแนะว่า การแก้หนี้ให้บรรลุผลนั้น ต้องทำครบวงจร เช่น รัฐบาลต้องผนึกธนาคารแห่งประเทศไทย สถาบันการเงินเอกชน/รัฐ เพื่อแก้ปัญหาได้อย่างยืนในทุกมิติที่เกี่ยวข้อง เพื่อบรรเทาความเดือนร้อน เติมกำลังให้ประชาชนและเศรษฐกิจ สร้างอนาคตประเทศ ทั้งนี้ โครงการที่ทำต้องเข้าถึงประชาชนฐานรากทั่วทั้งประเทศ บริการเสมอภาคเป็นธรรม พร้อมทั้งมีการนำเทคโนโลยีมาร่วมขับเคลื่อน

“รัฐมนตรีคลัง ควรหารือกับ ธปท. ถึงแนวทางการลดเงินที่เก็บเข้ากองทุนฟื้นฟูฯ (FIDF) เหลือ 0.23% ต่อ 6 เดือน ชั่วคราว 5 ปี เพื่อนำเงินที่ประหยัดได้ไปลดยอดหนี้ (haircut) สำหรับลูกหนี้ที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท/เดือน และต้องเจรจาให้ธนาคารต้องนำกำไรสะสมมาร่วมด้วยไม่น้อยกว่า 25% ของหนี้ที่ลดให้แก่ลูกหนี้ อันเป็นการร่วมมือกันแก้ปัญหาระหว่างรัฐกับเอกชน” นายอุตตม  กล่าว

พลตำรวจโท ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรค กล่าวว่า ถ้าพายุหมุนสามลูกหมุนได้สามรอบจริงๆ เหมือนที่รัฐบาลได้โฆษณาไว้ตั้งแต่แรก ใครได้ประโยชน์ ใครเสียประโยชน์และมีบริษัทที่เกี่ยวข้องกับคนในรัฐบาล 3 บริษัทหลักๆ มีอักษรย่อแต่ละบริษัทคือ B M X ซึ่งรายละเอียดต้องติดตามในสัปดาห์ต่อไป.-315 สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นายกตรวจน้ำท่วมเชียงราย

นายกฯ บินเชียงราย ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม

“นายกฯ แพทองธาร” ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม เตรียมมอบถุงยังชีพแก่ผู้ประสบภัยในพื้นที่ จ.เชียงราย พร้อมตรวจเยี่ยมการลำเลียงสิ่งของช่วยเหลือของกองทัพ

ชิงทองระนอง68บาท

รวบแล้วโจรชิงทอง 68 บาท กลางห้างดังระนอง

รวบแล้ว 2 คนร้ายชายหญิง จี้ชิงทอง 68 บาท ในห้างดังกลางเมืองระนอง ฝ่ายชายรับสารภาพ ชีวิตตกต่ำ ไม่มีรายได้ จึงชวนหลานสาววัย 16 ปี มาร่วมก่อเหตุชิงทอง

น้องชายรัวยิงพี่สาวตายกลางงานศพแม่ อ้างฉุนไม่ให้ร่วมจัดงานศพ

น้องชายชักปืนรัวยิงพี่สาวเสียชีวิตกลางงานศพแม่ ภายหลังน้องชายเข้ามอบตัวกับตำรวจ อ้างเหตุผลฆ่าเพราะโมโห รู้สึกว่าพี่สาวใจดำมากที่กีดกันไม่ให้ตนช่วยจัดงานศพแม่

บุกทลายโรงงานผลิตยาเถื่อน ย่านทุ่งครุ

เจ้าหน้าที่ อย. ร่วมสืบนครบาล บุกทลายโรงงานผลิตยาเถื่อน ย่านทุ่งครุ มีเบาะแสต้นตอการทะลักของยาเขียวเหลือง ตะลึงพบซากจิ้งจกตายในหม้อต้ม ขณะที่เจ้าของโรงงานยันประกอบอาชีพโดยสุจริต

ข่าวแนะนำ

ชายแดนแม่สายยังเละจมโคลน จับตาพายุลูกใหม่

แม้จะผ่านน้ำท่วมใหญ่ในรอบร้อยปีมาหลายวันแล้ว แต่ตอนนี้ชายแดนแม่สายยังเต็มไปด้วยความเสียหายและดินโคลนจำนวนมาก ชาวบ้านหลายคนยังไม่สมารถกลับเข้าบ้านได้

นายกฯ ตรวจความพร้อมการจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค

นายกฯ ตรวจความพร้อมการจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค การซ้อมเป็นรูปขบวนเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา ครั้งที่ 7 ณ โรงเรือพระราชพิธี ท่าวาสุกรี และวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ขณะที่ “เจ้าอาวาสวัดอรุณฯ” ให้กำลังใจทำหน้าที่ได้เต็มที่-ประสบความสำเร็จ

พายุโซนร้อน “ซูลิก” ทำฝนตกหนัก 76 จังหวัด 19-23 ก.ย.

พายุดีเปรสชันบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบนทวีกำลังขึ้นเป็นพายุโซนร้อน “ซูลิก” แล้ว คาดขึ้นฝั่งเวียดนามคืนนี้ หัวพายุส่งผลให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกมีฝนแล้ว ช่วงระหว่างวันที่ 19-23 ก.ย.67 มีพื้นที่เสี่ยงฝนตกหนักถึงหนักมาก 76 จังหวัด