fbpx

FETCO ชี้ดิจิทัลวอลเล็ตกลุ่มเปราะบาง ช่วยหมุนเศรษฐกิจระยะสั้นได้

กรุงเทพฯ 9 ก.ย. – FETCO เผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนปรับขึ้นสู่เกณฑ์ “ร้อนแรง” นักลงทุนมองปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ-การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ปัจจัยฉุดคือความไม่แน่นอนทางการเมือง-การถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศ คาดวายุภักษ์-ThaiESG หนุนเม็ดเงินเข้าตลาดกว่า 2 แสนล้านบาท ชี้ดิจิทัลวอลเล็ตในกลุ่มเปราะบาง ช่วยหมุนเศรษฐกิจในระยะสั้นได้


นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน ผลสำรวจในเดือนสิงหาคม 2567 พบว่า “ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 132.51 ปรับเพิ่มขึ้นกลับมาอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง” จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ที่หนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด รองลงมาคือการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ และสัญญาณบวกจากความชัดเจนของการเมืองในประเทศ ขณะที่ปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ ความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมืองในประเทศ รองลงมาคือการถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศ และสภาวะเงินเฟ้อ หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดพาณิชย์ และหมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดยานยนต์

ผลสำรวจ ณ เดือนสิงหาคม 2567 รายกลุ่มนักลงทุน พบว่าความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนบุคคลปรับเพิ่ม 73.6% มาอยู่ที่ระดับ 144.26 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับเพิ่ม 28.4% มาอยู่ที่ระดับ 144.44 กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับเพิ่ม 32.0% มาอยู่ที่ระดับ 120.00 และกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศปรับเพิ่ม 275.0% อยู่ที่ระดับ 125.00


ขณะที่ช่วงครึ่งแรกของเดือนสิงหาคม 2567 SET Index มีความผันผวนและปรับตัวลดลงต่ำกว่า 1,300 จุด จากความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศ แม้ว่าได้จะรับข่าวดีจากการประกาศ GDP ไทยในไตรมาส 2/2567 เติบโตสูงกว่าคาด โดยขยายตัวที่ 2.3% ได้แรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยว การบริโภคภาคเอกชนและการส่งออก

อย่างไรก็ตาม SET Index ในช่วงครึ่งเดือนหลังปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากมีการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 และออกแนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐในการแจกเงินสด 10,000 บาท แก่กลุ่มเปราะบางในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต รวมถึงท่าทีของ FED ต่อการลดดอกเบี้ย โดย SET Index ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2567 ปิดที่ 1,359.07 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.9% จากเดือนก่อนหน้า ปริมาณซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในเดือนสิงหาคม 2567 อยู่ที่ 44,404 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 6,133 ล้านบาท โดยตั้งแต่ต้นปีนักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิกว่า 123,692 ล้านบาท

ปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตามได้แก่ นโยบายการเงินของ FED ที่คาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งหน้า และสถานการณ์ความตึงเครียดในภูมิภาคตะวันออกกลางที่มีแนวโน้มที่จะทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น ส่วนของปัจจัยในประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ ผลการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ นโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล ซึ่งคาดหวังว่าจะกระตุ้นการลงทุน ซึ่งรวมถึงผลการออกกองทุนวายุภักษ์ ที่จะมีเม็ดเงิน 1.5 แสนล้านบาท บวกกับ เม็ดเงินจากกองทุน ThaiESG อีก 6 หมื่นล้านบาท รวมประมาณ 2 แสนล้านบาท เพื่อกระตุ้นตลาดทุนไทย และสถานการณ์น้ำท่วมในภาคเหนือของไทยที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัว


นายกอบศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้มีโอกาสขยายตัว 3% +- แต่โจทย์สำคัญของรัฐบาลในขณะนี้คือความต่อเนื่องของนโยบายเศรษฐกิจ เมื่อเป็น รัฐบาลชุดใหม่ที่มาจากพรรคการเมืองเดิม ทำให้เกิดความต่อเนื่องของนโยบายที่สามารถเดินหน้าต่อได้ทันที ทั้งกองทุนวายุภักดิ์ และโครงการเติมเงินหนึ่งหมื่นบาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต

ส่วนปัญหนี้ NPL ที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะสินเชื่อรถยนต์และที่อยู่อาศัย มองว่าเมื่อการเมืองชัดเจน ภาพรวมเริ่มคลี่คลายลง แต่เศรษฐกิจฐานรากยังมีปัญหา ซึ่งการเร่งดำเนินนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตในกลุ่มเปราะบาง จะช่วยหมุนเศรษฐกิจในระยะสั้นได้ ซึ่งควรมีมาตการที่ง่าย ตรง ไม่ซับซ้อน แต่ในระยะถัดไปรัฐบาลต้องกิโยตินกฎหมายฟื้นเศรษฐกิจโดยไม่ต้องใช้เงิน และมีมาตรการลงทุนขนาดใหญ่ด้านโครงสร้างพื้นฐานที่ได้เตรียมไว้แล้ว โดยเฉพาะโครงสร้างทางเทคโนโลยี ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้ในอนาคต ขณะเดียวกัน แบงก์พาณิชย์ ที่มีกำไรสูง จากความแข็งแกร่งของลูกค้ารายใหญ่ ควรทำงานอย่างใกล้ชิดกับรัฐบาล เพื่อนำกำไรมาช่วยเหลือกลุ่มลูกค้า SMEs และกลุ่มเปราะบาง เพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เดินต่อไปข้างหน้า

สำหรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยมองว่า ช่วงที่เหมาะสมที่สุดในการปรับลดคือช่วงต้นปีที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นช่วงที่อัตราเงินเฟ้อติดลบ และเศรษฐกิจโตต่ำที่สุดไปแล้ว แต่สาเหตุที่ กนง. ไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ย อาจเป็นเพราะ กนง.มองว่าเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัว อัตราดอกเบี้ยในระดับ 2.50% ต่อปี จึงเหมาะสม ซึ่งส่วนตัวเห็นตรงกันว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 2.0-2.50% ต่อปีในขณะนี้ อยู่ในระดับที่เหมาะสมเช่นกัน เนื่องจากขณะนี้เศรษฐกิจไทย มีเครื่องยนต์เศรษฐกิจฟื้นตัวต่อเนื่อง ทั้งการท่องเที่ยว การส่งออก ดั้งนั้นความจำเป็นในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอาจมีไม่มากแล้ว.-516-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นายกตรวจน้ำท่วมเชียงราย

นายกฯ บินเชียงราย ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม

“นายกฯ แพทองธาร” ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม เตรียมมอบถุงยังชีพแก่ผู้ประสบภัยในพื้นที่ จ.เชียงราย พร้อมตรวจเยี่ยมการลำเลียงสิ่งของช่วยเหลือของกองทัพ

ชิงทองระนอง68บาท

รวบแล้วโจรชิงทอง 68 บาท กลางห้างดังระนอง

รวบแล้ว 2 คนร้ายชายหญิง จี้ชิงทอง 68 บาท ในห้างดังกลางเมืองระนอง ฝ่ายชายรับสารภาพ ชีวิตตกต่ำ ไม่มีรายได้ จึงชวนหลานสาววัย 16 ปี มาร่วมก่อเหตุชิงทอง

น้องชายรัวยิงพี่สาวตายกลางงานศพแม่ อ้างฉุนไม่ให้ร่วมจัดงานศพ

น้องชายชักปืนรัวยิงพี่สาวเสียชีวิตกลางงานศพแม่ ภายหลังน้องชายเข้ามอบตัวกับตำรวจ อ้างเหตุผลฆ่าเพราะโมโห รู้สึกว่าพี่สาวใจดำมากที่กีดกันไม่ให้ตนช่วยจัดงานศพแม่

บุกทลายโรงงานผลิตยาเถื่อน ย่านทุ่งครุ

เจ้าหน้าที่ อย. ร่วมสืบนครบาล บุกทลายโรงงานผลิตยาเถื่อน ย่านทุ่งครุ มีเบาะแสต้นตอการทะลักของยาเขียวเหลือง ตะลึงพบซากจิ้งจกตายในหม้อต้ม ขณะที่เจ้าของโรงงานยันประกอบอาชีพโดยสุจริต

ข่าวแนะนำ

ภูเก็ตฝนตกต่อเนื่อง ชาวบ้านหวั่นเขาถล่มซ้ำ

หลังจากตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาจนถึงเวลานี้ จ.ภูเก็ต มีฝนตกต่อเนื่อง ทำให้หลายพื้นที่เผชิญกับน้ำท่วมขัง ขณะที่พื้นที่ ต.กะรน จุดที่เคยเกิดดินถล่ม มีผู้เสียชีวิต 13 ราย เมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ชาวบ้านในพื้นที่อยู่อย่างผวา เพราะกลัวดินจากภูเขาจะถล่มซ้ำอีก

ช่วย 143 นักท่องเที่ยวติดเกาะราชาใหญ่ ขึ้นฝั่งภูเก็ตปลอดภัย

ศรชล.ภาค 3 ร่วมกับทัพเรือภาคที่ 3 ส่งเรือ ต.111 ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวต่างชาติ 143 คน ติดค้างบนเกาะราชาใหญ่ กลับเข้าฝั่ง จ.ภูเก็ต ได้อย่างปลอดภัย

น้ำในตัวเมืองหนองคายใกล้แห้ง หลังโขงพ้นวิกฤติ

หลายตำบลใน อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย น้ำยังท่วมสูงและเพิ่มระดับ บางจุดถูกตัดขาดมากว่า 2 สัปดาห์ ถือว่าหนักสุดในรอบ 30 ปี ขณะที่ในตัวเมือง น้ำใกล้แห้ง หลังระดับแม่น้ำโขงใกล้พ้นจุดวิกฤติ

ภาคเหนือเร่งฟื้นฟูความเสียหาย ชาวบ้านหวั่นพายุถล่มซ้ำ

หลายพื้นที่ทางภาคเหนือยังไม่ทันฟื้นฟูความเสียหายจากน้ำท่วมครั้งที่ผ่านมา แต่ชาวบ้านต้องเตรียมตัวรับกับพายุลูกใหม่ หลายคนยังไม่กล้ากลับไปอาศัยในบ้าน เพื่อรอจนกว่าพายุลูกนี้จะผ่านพ้นไปก่อน