พปชร.เปิดฉากชำแหละ “ดิจิทัลวอลเล็ต”

พรรคพลังประชารัฐ 17 ก.ย.- พปชร. เปิดฉากฝ่ายค้านนอกสภาฯ​ “สนธิรัตน์​-อุตตม-ธีระชัย” ชำแหละ “ดิจิทัลวอลเล็ต” เป็นพายุหมุนหรือฝนหลงฤดู​ เย้ย​ สุดท้ายก็เลือกแจกเป็นเงินสด​ ลั่น​ ไม่อยากเห็นโครงการเรือธง​ กลายเป็นโครงการเรือล่ม​


ทีมเศรษฐกิจพรรคพลังประชารัฐ​ ประกอบด้วย นายอุตตม สาวนายน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ประธานยุทธศาสตร์ด้านวิชาการ ร่วมแถลงข่าวตรวจสอบนโยบายรัฐบาล แถลงต่อรัฐสภา

นายสนธิรัตน์​ สนธิจิรวงศ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะหัวหน้าศูนย์นโยบายและวิชาการ กล่าวชำแหละนโยบายรัฐบาลในฐานะฝ่ายค้าน​ ว่า​ วันนี้​ดิจิทัลวอลเล็ตผ่านที่ประชุมคณะรัฐมนตรีแล้ว และถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก เพราะเป็นนโยบายเรือธงของรัฐบาล สิ่งที่เราไม่สบายใจคือโครงการนี้​ เดินอยู่บนความไม่แน่นอนของรัฐบาล​ ที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบโครงการหลายครั้ง จนสุดท้ายตอนนี้มีการแจกเป็นเงินสด​ ซึ่งแตกต่างกับที่หาเสียงไว้ว่าเป็นดิจิทัลวอลเล็ต มีคำถามตามมา ว่า​ เรื่องนี้ถูกต้องหรือไม่ แต่สิ่งที่เราเห็นด้วยมาตลอด คือการแจกให้กับกลุ่มเปราะบาง​ ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกันกับที่พรรคพลังประชารัฐ​ ใช้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2561 มันชัดเจนว่า​ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐกลายเป็นโครงสร้างหลัก และหวังเป็นอย่างยิ่ง​ ว่า​ จะให้ความสำคัญกับร้านธงฟ้าประชารัฐด้วย​


นายสนธิรัตน์​ ยังกล่าวต่อว่า​ เรื่องที่รัฐบาลหวัง​ ว่า​ จะเป็นพายุหมุนทางเศรษฐกิจ ผลักดัน GDP ได้ 0.35 % ต่อปี​ คำถามคือ​ มันจะเป็นพายุหมุน ที่คุ้มค่ากับงบประมาณที่เสียไปหรือไม่​ หรือสุดท้ายมันจะเป็นแค่ฝนหลงฤดู สิ่งที่เราจะตรวจสอบต่อไป คือ​ โครงการนี้ลดการเติบโตในด้านอื่นๆหรือไม่

“สุดท้ายด้วยความเป็นห่วงในโครงการนี้​ มีผู้ลงทะเบียนถึง 36 ล้านคน รัฐบาลสัญญาว่าจะดำเนินการให้แน่นอน แต่มันกลับมีเครื่องหมายคำถาม ว่าจะทำอย่างไร​ ทำวิธีใด​และสำคัญที่สุดงบประมาณมันจะมาจากไหน พรรคพลังประชารัฐอยากเห็น โครงการเรือธงของรัฐบาลเป็นโครงการที่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ได้ ไม่อยากเห็นโครงการเรือธงกลายเป็นโครงการเรือล่ม​ ออกสตาร์ทแค่ปากอ่าว แต่ไปได้ไม่ไกล” นายสนธิรัตน์ กล่าว

นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ประธานกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ​ กล่าวถึงโครงการกองทุนรวมวายุภักษ์ ของกระทรวงการคลัง ว่า​ เป็นโครงการที่มีปัญหา​ เฉือดเนื้อคนจนไปแปะให้คนรวย​ เพราะทรัพย์สินของรัฐทั้งหมดเป็นของประชาชนทั้งประเทศ แต่นำไปอุดหนุนให้กับคนที่จะมาร่วมลงทุน แค่หลักพันหลักหมื่น ซึ่งเป็นลูกหนี้ที่ไม่ถูกต้อง ในการที่ขยายขอบเขต กองทุนวายุภักษ์​ จากที่เป็นการระดมทุนในปี 2546 สมัยนายกฯ ทักษิณ​ ชินวัตร​ เป็นการระดมมาเพื่อใช้ในกิจการภาครัฐ แต่ครั้งนี้นอกจากเป็นการเอามาลงในหุ้นตลาดหลักทรัพย์​ ยังนำไปลงทุนหุ้นนอกตลาดหลักทรัพย์​ ทั้งในเรื่องทองคำ​ น้ำ​มันดิบ​ สินค้าโภคภัณฑ์​ หุ้นกู้​ขยะ​ หากอยู่ในวงการพระ อาจเรียกได้ว่า “ไม่ใช่กิจของสงฆ์​” เพราะไม่ใช่วัตถุประสงค์ และอำนาจหน้าที่ของกระทรวงการคลัง ตนมองว่าเกินเลย


นอกจากนี้ หนังสือเชื้อชวนให้ลงทุน แม้จะมีการบอกว่าไม่รับประกัน แต่คนที่อ่านกฎหมายเป็นจะบอกได้เลยว่า มีผลของการประกัน ทั้งในเรื่องของผลตอบแทน และการประกันเงินต้นโดยอัตโนมัติ เพราะกองทุนนี้มีกำไรสะสมอยู่แล้ว 1.4 แสนล้านบาท​ ดังนั้นจึงเห็นว่าเป็นการดำเนินการที่ไม่เป็นธรรมกับประชาชน เพราะกำไรสะสม 1.4 แสนล้าน และทรัพย์สินที่มีอยู่ 3.5 แสนล้านเป็นของภาครัฐ ที่กระทรวงการคลังถือแทนประชาชนทั้งประเทศ ซึ่งถ้าเป็นเงินข้าราชการ ​กบข. ก็ถือหลักผลประโยชน์แทนข้าราชการที่เป็นสมาชิก

นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงที่จะผิดกฎหมาย ซึ่งคนที่ดำเนินการอ้างว่า ทำได้เนื่องจากมีมติ ครม. กำกับเอาไว้ ซึ่งตนกังวลแทนเจ้าหน้าที่กระทรวงการคลัง ที่เป็นลูกน้องเก่าของตน ต้องเข้าใจว่า กบข. หรือกองทุนประกันสังคม เขามีกฎหมายเฉพาะ แต่มติ ครม. ไม่มีอำนาจเหมือนทั้ง​ 2 กองทุนข้างต้น​ที่มีเงิน​ ซึ่งจะต้องไปขออนุญาตจากทาง กบข. และกองทุนประกันสังคม เนื่องจากเป็นหน่วยลงทุนรายใหญ่​ ครม.ไม่มีอำนาจดำเนินการนอกเหนือจากกฎหมายที่ตั้ง 2 กองทุนนี้

ขณะเดียวกัน เงินของ กบข. และกองทุนประกันสังคม ที่อยู่ในกระทรวงการคลัง ถือว่าเป็นเงินของแผ่นดิน การใช้เงินแผ่นดินจะต้องทำเป็นกฎหมาย อยู่ดีๆจะนำเงินไปมอบให้กับผู้จัดการกองทุน ไปแจก หรือนำไปอุดหนุน หรือชดเชยเพื่อคุ้มครองเงินต้น ถือว่าไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ การใช้เงินแผ่นดินมีรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ ที่จะต้องออกเป็นกฎหมายผ่านรัฐสภาเท่านั้น

นายธีระชัย กล่าวต่อว่า ปัญหาทั้งหมดได้ทำเป็นจดหมายเปิดผนึก ส่งถึงนางสาวแพทองธาร ชินวัตร​ นายกรัฐมนตรี ให้รับทราบไปแล้วถึง 4 ฉบับ หากเห็นด้วยกับตนว่ามีปัญหา เสี่ยงกับการผิดกฎหมาย นายกรัฐมนตรีจะต้องมีปฏิกิริยา ไม่เช่นนั้นจะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมกันนี้ยังทำจดหมายอย่างเป็นทางการแจ้งไปยังประธานคณะกรรมการ กบข. และเลขาธิการกองทุนประกันสังคม ให้รับทราบแล้ว ทุกคนมีหน้าที่ต้องดูแลตัวเอง

ด้าน นายอุตตม สาวนายน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับรัฐบาลที่กำหนดการแก้หนี้เป็นนโยบายเร่งด่วนลำดับแรกของคณะรัฐมนตรี แต่ก็มีข้อเสนอแนะว่า การแก้หนี้ให้บรรลุผลนั้น ต้องทำครบวงจร เช่น รัฐบาลต้องผนึกธนาคารแห่งประเทศไทย สถาบันการเงินเอกชน/รัฐ เพื่อแก้ปัญหาได้อย่างยืนในทุกมิติที่เกี่ยวข้อง เพื่อบรรเทาความเดือนร้อน เติมกำลังให้ประชาชนและเศรษฐกิจ สร้างอนาคตประเทศ ทั้งนี้ โครงการที่ทำต้องเข้าถึงประชาชนฐานรากทั่วทั้งประเทศ บริการเสมอภาคเป็นธรรม พร้อมทั้งมีการนำเทคโนโลยีมาร่วมขับเคลื่อน

“รัฐมนตรีคลัง ควรหารือกับ ธปท. ถึงแนวทางการลดเงินที่เก็บเข้ากองทุนฟื้นฟูฯ (FIDF) เหลือ 0.23% ต่อ 6 เดือน ชั่วคราว 5 ปี เพื่อนำเงินที่ประหยัดได้ไปลดยอดหนี้ (haircut) สำหรับลูกหนี้ที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท/เดือน และต้องเจรจาให้ธนาคารต้องนำกำไรสะสมมาร่วมด้วยไม่น้อยกว่า 25% ของหนี้ที่ลดให้แก่ลูกหนี้ อันเป็นการร่วมมือกันแก้ปัญหาระหว่างรัฐกับเอกชน” นายอุตตม  กล่าว

พลตำรวจโท ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรค กล่าวว่า ถ้าพายุหมุนสามลูกหมุนได้สามรอบจริงๆ เหมือนที่รัฐบาลได้โฆษณาไว้ตั้งแต่แรก ใครได้ประโยชน์ ใครเสียประโยชน์และมีบริษัทที่เกี่ยวข้องกับคนในรัฐบาล 3 บริษัทหลักๆ มีอักษรย่อแต่ละบริษัทคือ B M X ซึ่งรายละเอียดต้องติดตามในสัปดาห์ต่อไป.-315 สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ทนายวัดนาป่าพง แจงปมโอนเงินไปเยอรมนี ยันใช้ก่อตั้งมูลนิธิ

16 ก.ย. – ทนายวัดนาป่าพง แจงยิบไทม์ไลน์โอนเงิน 12 ล้าน ไปให้สีกาที่เยอรมนี ยืนยันใช้ก่อตั้งมูลนิธิ หวังเผยแผ่พระพุทธศาสนา ไม่ใช่เสน่หาหรือยักยอกเงินวัด เชื่อเป็นขบวนการล้มพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ความคืบหน้าการตรวจสอบพระวัดดังใน จ.ปทุมธานี หลังมีการแจ้งความกองปราบฯ ให้ตรวจสอบปมเงินบริจาควัดที่มีการโอนไปยังต่างประเทศ รวมถึงปล่อยคลิปลักษณะที่ใกล้ชิดกับสีกาในร้านเครื่องประดับ วันนี้ (16 ก.ย.) นายนันทน อินทนนท์ และคณะทนายความของวัดนาป่าพง ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงประเด็นต่างๆ โดยมี อ.เบียร์ คนตื่นธรรม พระลูกวัด และศิษยานุศิษย์ของวัด มาร่วมฟังคำแถลงข่าวอีกเป็นจำนวนมาก ในส่วนของคลิปกับสีกาในร้านเครื่องประดับในต่างประเทศ ทนายความยืนยันว่าสีกาคนดังกล่าวเป็นโยมอุปัฏฐาก ที่ทำหน้าที่ดูแลพระอาจารย์คึกฤทธิ์ และดูแลช่องทางการสื่อสารของวัด คือพุทธวจนเรียล อย่างเปิดเผยตั้งแต่แรก แต่คลิปวิดีโอที่ถูกนำมาเผยแพร่พยายามเชื่อมโยงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างสีกาคนดังกล่าวกับพระอาจารย์คึกฤทธิ์ เป็นการตัดต่อที่ตั้งใจให้เกิดความเข้าใจผิด แจงไทม์ไลน์ยิบ โอนเงินไปต่างประเทศใช้ก่อตั้งมูลนิธิส่วนกรณีมีการโอนเงินจากพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ไปยังสีกาที่เยอรมนี ทีมทนายความยอมรับว่าเอกสารต่างๆ ที่เผยแพร่ในสื่อ เป็นเอกสารที่ทางวัดยื่นต่อศาลที่เยอรมนี ไม่ใช่เอกสารที่ต้องปิดบัง สามารถเปิดเผยได้ เพราะไวยาวัจกรเป็นผู้โอนเงินเอง พร้อมชี้แจงว่าเป็นการโอนเงินเพื่อไปสร้างวัดและมูลนิธิที่ประเทศเยอรมนี โดยไล่เรียงไทม์ชี้แจงอย่างละเอียด เริ่มตั้งแต่ปี 2561 พระอาจารย์คึกฤทธิ์ ต้องการเผยแพร่คำสอนในต่างประเทศ หนึ่งในวิธีการคือการจัดตั้งวัดในต่างประเทศ โดยเฉพาะในเยอรมนีมีลูกศิษย์ของวัดจำนวนมาก […]

รวบบัญชีม้ายกแก๊ง ตระเวนถอนเงินให้คอลเซ็นเตอร์จีนเทา

16 ก.ย. – จับยกแก๊งบัญชีม้า 7 คน ตระเวนถอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์จีนเทา ยึดเงินสดกว่า 5 แสนบาท สารภาพได้ค่าจ้างล้านละ 7,000 บาท เงินที่หลอกผู้เสียหายถูกถ่ายโอนไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์นอกประเทศแล้วไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท นายเอกชัย เจ้าของบัญชีม้า พร้อมหญิงสาวทำหน้าที่ประสานงานถอนเงิน ถูกตำรวจภูธรภาค 5 จับกุมได้บริเวณหน้าธนาคารแห่งหนึ่งใน อ.เวียงหนองล่อง จ.ลำพูน ก่อนขยายผลจับกุมนายศรัณย์พงศ์ และนางสาวนันท์ธนัษฐ์ 2 คนไทย ทำหน้าที่ควบคุมเจ้าของบัญชีม้า และผู้ร่วมขบวนการอีก 3 คน ที่นั่งรอในรถกระบะ นายคิโอ ชาวลาว หัวหน้าแก๊งที่ถอนเงินให้จีนเทาเครือข่ายคิงส์โรมันฝั่งลาว พร้อมยึดของกลางเงินสดกว่า 5 แสนบาท สมุดบัญชีเงินฝากอีก 1 เล่ม กลุ่มผู้ต้องหามีพฤติการณ์วนเวียนถอนเงินสดจากธนาคารหลายแห่งใน จ.เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตำรวจแจ้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันทุจริต หลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ร่วมกันเป็นอั้งยี่ เตรียมรวบรวมหลักฐานขยายผลถึงบอสชาวจีน พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค […]

อัปเดตโผ ครม. ครบ 100% “โสภณ​” มีชื่อนั่งรอง​นายก​ฯ

กทม.16 ก.ย.- อัปเดตโผ ครม. ล่าสุด “โสภณ​ ​ซา​รัมย์​” ผงาดรอง​นายก​ฯ ขณะที่ รมต.สำนักนายกฯ มีถึง 4 เก้าอี้ ด้าน “มัลลิกา” โผล่นั่ง รมช.คมนาคม วันที่ 16 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เซ็นส่งรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม. ) ซึ่งคาดว่าสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ 36 รายชื่อ ดังนี้ โควตา​คนนอก​ พรรคกล้าธรรม พรรคพลังประชารัฐ กลุ่มสุชาติ กลุ่มการเมืองอื่น

ป่วนไม่เลิก! เขมรบุกทำลายรั้วลวดหนาม “บ้านหนองหญ้าแก้ว”

16 ก.ย.- เขมรป่วนไม่เลิก! บุกทำลายรั้วลวดหนาม บ้านหนองหญ้าแก้ว ทหารกัมพูชายืนประกบสังเกตการณ์ ขณะที่ชาวเน็ตแห่หนุนสร้างกำแพงกั้นถาวร วันที่ 16 ก.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสังคมออนไลน์แห่แชร์ภาพคลิปวิดีโอ พร้อมข้อความโดยอ้างว่าเป็นภาพของชาวเขมรบุกทำลายรั้วลวดหนามของไทย บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว ซึ่งเหตุการณ์เกิดในวันนี้ โดยมีชาวบ้านจากฝั่งกัมพูชาหลายคนเข้ามาใกล้แนวรั้วลวดหนาม พร้อมถือไม้และพยายามรื้อทำลาย ขณะที่ทหารกัมพูชายืนสังเกตการณ์อยู่รอบพื้นที่ ขณะที่ชาวเน็ตแห่แสดงความคิดเห็น สนับสนุนการสร้างกำแพงแทนรั้วลาดหนาม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก -313 .-สำนักข่าวไทย