คอกซ์บาซาร์ 1 ก.ย. – สหรัฐแจ้งเมียนมาว่า กองกำลังด้านความมั่นคงของเมียนมาจะต้องหลีกเลี่ยงการโจมตีพลเรือนและเจ้าหน้าหน้าที่บรรเทาทุกข์ หลังจากเกิดเหตุความรุนแรงต่อเนื่องหลายวันส่งผลให้พลเรือนหลายพันคนหลบหนีภัยข้ามชายแดนไปยังบังกลาเทศ โดยเมื่อวานนี้พบผู้เสียชีวิตจากการจมน้ำ 17 ราย
นิกกี้ ฮาลีย์ ทูตสหรัฐประจำสหประชาชาติออกแถลงการณ์ตำหนิกองกำลังความมั่นคงของเมียนมา โดยกล่าวว่า ในขณะที่กองกำลังความมั่นคงของเมียนมาดำเนินการเพื่อป้องกันมิให้เกิดรุนแรงขยายวงกว้างออกไป พวกเขาต้องรับผิดชอบในการยึดมั่นในกฎหมายด้านมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ซึ่งรวมถึงการหลีกเลี่ยงการโจมตีพลเรือนผู้บริสุทธิ์และเจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์และยังต้องให้การรับประกันให้มั่นใจว่า ความช่วยเหลือจะต้องไปถึงมือผู้ที่มีความต้องการ ผู้เห็นเหตุการณ์กล่าวว่า ชาวโรฮิงญาอย่างน้อย 18,500 คน หลบหนีออกจากบ้านเรือนหลังจากทหารเมียนมาเข้าโจมตีในรัฐยะไข่เมื่อวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมาและกองกำลังความมั่นคงเข้ากวาดล้างและจุดไฟเผาหมู่บ้านและมีเป้าหมายทำร้ายพลเรือน เจ้าหน้าที่ในบังกลาเทศกล่าวว่า ชาวโรฮิงญาจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ พยายามจะข้ามแม่น้ำนาฟ ซึ่งกั้นเขตแดนระหว่างบังกลาเทศและเมียนมา โดยใช้เรือที่อยู่ในสภาพผุพังและไม่เหมาะสมสำหรับการใช้งานในสภาพแม่น้ำที่มีคลื่นแรง เนื่องจากชาวโรฮิงญาเหล่านี้ต้องการหลบหนีภัยจากการกวาดล้างโจมตีของทหารเมียนมา เมื่อวานนี้ เจ้าหน้าที่ยามฝั่งของบังกลาเทศพบศพชาวโรฮิงญาที่เสียชีวิต 17 ราย จากการจมน้ำหลังจากที่เรือที่พวกเขาใช้หนีภัยเกิดล่มในแม่น้ำ ผู้เสียชีวิตหลายคนเป็นเด็ก.-สำนักข่าวไทย