รัฐสภา 8 ส.ค. – ”หมอวาโย” เผยกรมบัญชีกลาง ยอมจ่ายเงินเยียวยาเกษตรกร พร้อมจี้นายกฯ รับผิดชอบผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมแล้วค่อยไปเรียกเก็บกับผู้ทำให้เกิดความเสียหาย ยอมรับ กมธ. ไม่สามารถชี้ชัดให้เป็นต้นตอการระบาด เหตุหลักฐานไม่ชัด
นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง กรรมาธิการการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กมธ.อว.) เปิดเผยภายหลังการประชุมที่ได้มีการติดตามความคืบหน้าการระบาดปลาหมอคางดำ โดยเชิญ 11 บริษัทเอกชน ส่งออกทางนำมาชี้แจงข้อเท็จจริงว่า การชี้แจงในวันนี้กรมประมงและบริษัทเอกชนให้ข้อมูลตรงกันว่าข้มูลที่เกิดขึ้นเกิดจากความผิดพลาดในการกรอกข้อมูล โดยส่วนใหญ่จะเกิดจากปลา 2 ชนิด คือ ปลาหมอมาลายู และปลาหางเขียว ที่ชื่อภาษาอังกฤษสะกดคล้ายกับปลาหมอ ซึ่งบริษัทเอกชนอ้างว่าเป็นความผิดพลาดของบริษัทชิปปิ้ง พร้อมส่งหลักฐานรายการส่งออกหลายปีย้อนหลัง พร้อมกับใบตรวจสุขภาพปลา ต่อกรรมาธิการฯ ด้วย เพื่อนำไปเปรียบเทียบ กมธ.อว. เรียก 11 บริษัทเอกชนแจงที่มาปลาหมอคางดำ
ด้านบริษัท เอเชีย อะควาติคส์ จำกัด ยืนยันไม่เคยนำเข้า-ส่งออก แต่เกิดจากความผิดพลาดของชิปปิ้ง ในการกรอกข้อมูลชื่อทางวิทยาศาสตร์ผิด เมื่อเทียบกับเอกสารของกรมประมง เบื้องต้นเท่าที่ดูไม่มีสายพันธุ์ของปลาหมอคางดำเลย แต่ทางกรรมาธิการฯ จะต้องนำส่งไปให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบอีกครั้ง ก่อนจะสรุปรายงานส่งให้รัฐบาลหรือหน่วยงานที่รับผิดชอบ
นพ.วาโย เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาสาเหตุและแนวทางการแก้ไขปัญหารวมถึงผลกระทบจากการนำเข้าปลาหมอคางดำ เพื่อการวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์ในราชอาณาจักรไทย ที่ตนเป็นประธาน มองว่ารัฐควรจะเข้ามาเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบ จึงได้มีการประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งติดตามความคืบหน้าจากหน่วยงานต่างๆ จนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กรมบัญชีกลางทำหนังสือยืนยันว่าสามารถเบิกจ่ายได้ แต่จะต้องจ่ายให้กับเกษตรกรผู้ลงทะเบียนเท่านั้น น่าจะเริ่มได้ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า แต่ปัญหาคือผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมที่ไม่มีหน่วยงานไหนเป็นเจ้าภาพรับผิดชอบในภาพรวม ต่างคนต่างดูแลแต่พื้นที่ของตัวเอง จึงเห็นว่าผู้ที่ต้องเป็นเจ้าภาพรับผิดชอบในเรื่องนี้คือนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นรองประธานกรรมการฯ ซึ่งถือเป็นความรับผิดชอบของรัฐอยู่แล้ว แม้ว่าตัวเองจะไม่ได้ผิด แต่หากรัฐมีเหตุอันสมควรเชื่อได้ว่ามีผู้กระทำผิด แล้วทำให้เกิดความเสียหายขึ้นก็สามารถใช้สิทธิไปฟ้องต่อศาลเพื่อเรียกค่าเสียหายคืนได้ ซึ่งเมื่อเข้าสู่กระบวนการแล้วสามารถใช้หมายศาลเพื่อเรียกหลักฐานต่างๆ มาตรวจสอบเพิ่มเติมได้ ดังนั้น สิ่งสำคัญตอนนี้คือจะต้องเยียวยาประชาชน แล้วเก็บบิลทั้งหมดไปเรียกเก็บกับผู้กระทำความผิดอีกครั้ง
นพ.วาโย เปิดเผยว่า ในส่วนของบริษัทซีพีเอฟ ยืนยันว่าได้ส่งตัวอย่างปลาหมอคางดำจำนวน 25 คู่ ให้กับกรมประมงแล้ว หลังนำเข้ามา 2,000 ตัวได้ไม่นานกลับตายพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย 1,400 ตัว ทั้งที่ยังไม่ได้เริ่มงานวิจัย จึงไม่มีการส่งหลักฐานงานวิจัยให้กับกรมประมง อีกทั้งกรมประมงก็ไม่มีการขอ อย่างไรก็ตาม นพ.วาโย บอกว่าในการสรุปของคณะกรรมาธิการคงไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าใครเป็นต้นตอของการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ เนื่องจากไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน ต้องเป็นหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐในการไปตรวจสอบเพื่อหาข้อเท็จจริงต่อไป.-319-สำนักข่าวไทย