รัฐสภา 6 ส.ค.-“ปดิพัทธ์” เผยกำลังใจยังดี คดียุบพรรคก้าวไกลพรุ่งนี้ แต่กังวลอำนาจสถาบันอื่นล้นเกิน ทำให้สถาบันนิติบัญญัติทั่วโลกจับตา เพราะไทยมีตัวตนในสายตาโลก พร้อมไปปาร์ตี้กับก้าวไกลหลังรู้ผล ไม่ว่าจะเป็นคุณหรือโทษ
นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 กล่าวถึงกรณีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ ที่อาจจะจบเร็ว เพราะศาลรัฐธรรมนูญจะมีการอ่านคำวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกล ว่า ยังไม่มีเอกสารที่เป็นทางการส่งมาถึงตนเอง แต่สุดท้ายวิปว่าอย่างไรก็คงต้องเป็น วิจารณญาณของประธานสภาผู้แทนราษฎร เพราะระเบียบวาระต่างๆก็คงดำเนินต่อไป แต่ก็เข้าใจฝั่งการเมือง เพราะสมาธิในการประชุมก็คงจะไม่มี ถ้าเลิกประชุมเร็วหรือมีการพักการประชุมได้ ก็อาจจะเป็นประโยชน์ก็ได้
นายปดิพัทธ์ ยังกล่าวถึงคดียุบพรรคก้าวไกลที่จะมีความเกี่ยวข้องกับตัวเอง ว่าตอนนี้ตนมีกำลังใจดีมาก เพราะเราไม่ได้เตรียมตัวว่าจะต้องอยู่นาน รู้อยู่แล้วว่ารัฐธรรมนูญ 2560 มีข้อน่ากังวลอยู่หลายประเด็น แต่สิ่งที่ตนกังวลคือสถาบันนิติบัญญัติ ที่ประชาชนเห็นว่า ถ้าอำนาจล้นเกินของสถาบันอื่นมาทำให้สถาบันนิติบัญญัติ ไม่ว่าจะเป็นการเสนอกฎหมายของสภาผู้แทนราษฎร และสภาสูง รวมถึงองค์กรอิสระ ที่เกี่ยวข้องกับความเข้มแข็งของฝ่ายค้าน ก็ยังกังวลว่าจะไม่สง่างามนัก และขึ้นอยู่กับบรรทัดฐานในอนาคตด้วย
นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ถ้ามองข้อต่อสู้ของพรรคก้าวไกล ผลคำวินิจฉัยก็น่าจะเป็นคุณ แต่เราก็ต้องเตรียมไว้หลายแผนรับรอง ตอนนี้ทำงานแบบที่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ (7 ส.ค.)ก่อน แต่ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นก็พร้อมรับทุกสถานการณ์อยู่แล้ว
ส่วนที่มีการพูดถึงว่าจะดึงองค์กรต่างประเทศ เข้ามาติดตามเรื่องคดียุบพรรคก้าวไกลจะส่งผล ต่อความเป็นประชาธิปไตยหรือการเมืองไทยในอนาคตหรือไม่ นายปดิพัทธ์กล่าวว่า เรื่องนี้ประชาชนรู้ดี ถ้าเราเป็นประเทศปิดเหมือนพม่าหรือกัมพูชา เราคงไม่ต้องสนใจต่างชาตินัก แต่ประเทศไทยเป็นประเทศที่เปิด และมีตัวตนในเวทีโลก ดังนั้นเป็นไปไม่ได้ที่เราจะบอกว่าขอมีตัวตนในโลก แต่ไม่ให้โลกจับตามองประเทศไทย ตนก็ต้องถามกลับว่าเรา อยากมีตัวตนอย่างไรในเวทีโลกมากกว่า
ส่วนที่บางคนมองว่าเป็นมารยาทไม่ควรแทรกแซงนั้น นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าก็วิจารณ์กันได้
“เมื่อวานก็มีรองโฆษกรัฐบาลได้เผยแพร่ข่าวในเว็บไซต์ ผมก็ไม่แน่ใจว่าอันนั้นเรียกว่าไร้มารยาทหรือไม่ ผมคิดว่าเราพูดกันตรงๆดีกว่า ว่าถ้าเราปล่อยให้บ้านเมืองเป็นไปอย่างนี้ เราจะได้รับการยอมรับจากทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างไร แน่นอนจะบอกว่าเราไม่แคร์ก็ได้ ว่าต่างประเทศจะคิดกับเราอย่างไร แต่สำหรับผมแล้วในฐานะที่เป็นตัวแทน ของสภาในหลายเวทีในโลกนี้ ต้องยอมรับว่าความพยายามที่เราจะมีตัวตนในโลกนี้สอดคล้องกับความเป็นประชาธิปไตย เพราะฉะนั้นถ้าไม่มีความเป็นประชาธิปไตย คงส่งผลต่อทั้งศักดิ์ศรีของสภาฯ ส่งผลต่อตัวตนของรัฐบาล และส่งผลต่อการเจรจาการค้าอีกหลายมิติ”นายปดิพัทธ์กล่าว
นายปดิพัทธ์ ยังกล่าวด้วยว่าพรุ่งนี้ (7 ส.ค.) หากเสร็จสิ้นจากงานสภาแล้วจะเดินทางไปร่วมงานที่พรรคก้าวไกล
“ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรก็ตาม นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกลเพื่อนของผมก็บอกว่ามีปาร์ตี้อยู่แล้ว ถ้าผลเป็นคุณก็ปาร์ตี้เลย ถ้าผลไม่เป็นคุณก็ปาร์ตี้หนักเลย เพราะการให้กำลังใจกันการอยู่ด้วยกัน ในช่วงเวลาที่ยากลำบากเป็นคุณค่าที่เราอยู่ร่วมกันอยู่แล้ว” นายปดิพัทธ์ กล่าว.-319.-สำนักข่าวไทย