นราธิวาส 3 ส.ค.- นายกรัฐมนตรี หารือทวิภาคี นายกฯ มาเลเซีย ตอกย้ำความมุ่งมั่นด้านความสงบสุข-การท่องเที่ยว-พัฒนาความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน 2 ประเทศ ด้าน “นายกฯ เศรษฐา” ย้ำลงพื้นที่ร่วมกันมีจุดมุ่งหมายเพื่อสันติภาพ-ความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน พร้อมขอบคุณการต้อนรับที่อบอุ่น
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงท่าอากาศยานนราธิวาส โดยมีพล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 (ผบช.ภ.9.) พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 นายซาการียา สะอิ สส.นราธิวาส เขต 4 พรรคภูมิใจไทย และนายฐนัตถ์ สุวรรณานนท์ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ รอให้การต้อนรับ
จากนั้นเวลา 11.10 น. นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงด่านสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส โดยมี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา และ สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ นายซูการ์โน มะทา สส.ยะลา พรรคประชาชาติ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาส พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เขต 3 นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ สส. นราธิวาส เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และนายซาการียา สะอิ สส.นราธิวาส เขต 4 พรรคภูมิใจไทย ให้การต้อนรับ
ขณะที่ในเวลา 11.22 น. ดาโตะ เซอรี อันวาร์ บิน อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย พร้อมประมุขมนตรีรัฐกลันตัน และคณะ เดินทางมายัง ด่านสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส โดยมีนายเศรษฐาให้การต้อนรับ พร้อมจับมือทักทาย ก่อนที่นายกรัฐมนตรีทั้งสองประเทศจะร่วมหารือทวิภาคีกลุ่มเล็ก
โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การลงพื้นที่ ร่วมกันครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน (Common Peace and Prosperrity) และแสดงให้เห็นถึงความเป็นเอกภาพ ความจริงจังและเจตนารมณ์ทางการเมืองของผู้นำทั้งสองประเทศในการร่วมมือกันเพื่อรักษาความสงบในบริเวณชายแดน พร้อมขอบคุณมาเลเซียสำหรับการขับเคลื่อนความร่วมมือ ผ่านการจัดประชุมคณะทำงานด้าน การค้าชายแดน และการค้าการลงทุนและหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะได้ร่วมกันหลักการให้จัดประชุมคณะทำงาน working group ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองประเทศจะหารือกันในกรอบความร่วม มือ JC และ JDS พร้อมกันนี้ ทั้งสองฝ่าย ตกลงร่วม ในความร่วมมือเกี่ยวกับสินค้าและมาตรฐานฮาลาล ทั้งสอง ประเทศเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน
ในโอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือเพื่อความร่วมมือในการขุดลอกแม่ล้ำโกลก พี่ตื้นเขิน ทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วม โดยฝ่ายมาเลเซียขอความช่วยเหลือ ในการหารือนายกรัฐมนตรีได้แจ้งว่าจะสั่งการกระทรวงการต่างประเทศ จัดการประชุมร่วมกับ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อพิจารณา ความร่วมมือต่อไป
ในช่วงท้าย ของการหารือนายกรัฐมนตรีทั้งสองฝ่ายรับฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างสะพานคู่ขนาน ข้ามแม่น้ำโกลก
ต่อมาเวลา 13.20 น. นายเศรษฐา เดินทางถึง Pasir Mas District and Land Office รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย โดยมีการแสดงเครื่องคอมปังต้อนรับ ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีดั้งเดิมของมาเลเซียที่ได้รับความนิยมมากที่สุด มักใช้ในงานรื่นเริง เช่น ในขบวนพาเหรดงานวันชาติ งานเลี้ยงที่เป็นทางการ เป็นต้น ก่อนที่นายกรัฐมนตรีไทยและนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ลงนามในสมุดเยี่ยม จากนั้น นายกรัฐมนตรีทั้ง 2 ประเทศรับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน
นายเศรษฐา กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีมาเลเชีย สำหรับการต้อนรับที่อบอุ่น เป็นเครื่องสะท้อนว่าทั้งสองประเทศมีมิตรภาพที่แน่นแฟ้น สะพานสุไหงโก-ลกจะอำนวยความสะดวกให้ประชาชนของทั้งสองประเทศได้เป็นอย่างดี และเป็นโอกาสที่ได้หารือกันเรื่องเขตการค้าพิเศษระหว่างกัน ทั้งนี้ การหารือในครั้งนี้จะเป็นโอกาสด้านการค้าการลงทุนระหว่างกัน ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะเดินทางกลับมายังพื้นที่นี้อีกครั้งหนึ่งเพื่อชื่นชมพัฒนาการที่เกิดขึ้น
จากนั้นเวลา 14.16 น. นายเศรษฐา ทวิตข้อความผ่าน X ระบุว่า การลงพื้นที่ชายแดนไทย – มาเลเซียกับท่านนายก โดยนายรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่าน X ระบุว่า การลงพื้นที่ชายแดนไทย – มาเลเซียกับท่านนายกฯ @anwaribrahim วันนี้ เรามาเพื่อย้ำความมุ่งมั่นเรื่องความสงบสุขและการพัฒนา เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนสองประเทศครับ
ผมได้มาเยี่ยม อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส – เมืองรันเตาปันจัง รัฐกลันตัน ได้ดูโครงการสะพานข้ามแม่น้ำโก-ลก เพื่อหาแนวทางในการพัฒนาเศรษฐกิจ เชื่อมโยงพื้นที่ชายแดนภาคใต้ของไทยและภาคเหนือของมาเลเซียร่วมกัน
เรายังได้หารือกันเกี่ยวกับการพัฒนาถนน และรถไฟ เพื่อส่งเสริมการขนส่งสินค้าและผู้โดยสาร และโครงการ Rubber City ที่จะเชื่อมโยงระหว่าง สงขลาและรัฐเคดะห์ 2 จุด ซึ่งจะช่วยพัฒนาการผลิตยางร่วมกันให้ส่งออกได้มากขึ้น รวมถึงอุตสาหกรรมฮาลาลที่ทางมาเลเซียมี Pasir Mas Halal Park ที่กลันตัน ตรงนี้ยังต้องการวัตถุดิบและสินค้าจากไทย อีกประเด็นคือ การขับเคลื่อนการท่องเที่ยว “Six Countries, One Destination” ให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมโดยเร็วครับ.-316-สำนักข่าวไทย