ตั้ง 2 ปม “น้ำอัดลมมรณะ” คร่าชีวิตหญิงวัย 54

อุดรธานี 4 ก.ค. – ตั้ง 2 ปม “น้ำอัดลมมรณะ” คร่าชีวิตหญิงวัย 54 ปี ชาว อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี สามีมั่นใจคนร้ายวางยาหวังฆ่ายกครัว ตำรวจเร่งล่าตัวลูกสะใภ้ที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยมาสอบปากคำ


ศพของนางสาริณี อายุ 54 ปี ถูกตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดทุ่งสว่าง อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี โดยญาติสงสัยการเสียชีวิตจะเป็นการฆาตกรรม หลังดื่มน้ำอัดลมสีเขียวเข้าไป

นายศุภชัย อายุ 37 ปี ลูกชายผู้เสียชีวิต เล่าว่า ตนอยู่บ้านกับพ่อแม่ 3 คน ก่อนหน้านี้ตนจะอยู่กับภรรยา แต่ 2 สัปดาห์ก่อน ภรรยาตนหนีกลับบ้าน เพราะทะเลาะกันเรื่องไม่จ่ายเงินค่าไฟฟ้า จนถูกเจ้าหน้าที่มายกหม้อ และไม่รู้ว่าภรรยาไปอยู่ที่ไหน เย็นวันเกิดเหตุแม่เดินมานั่งหน้าบ้าน กวักมือเรียกตนมาดู แม่ก็ชี้ที่ขวดน้ำอัดลม ซึ่งแม่เปิดกินแล้ว ตนจึงถามว่าใครเอามาให้ แม่บอกว่าไม่รู้ เดินออกมาเห็นถุงน้ำอัดลมวางอยู่หน้าบ้าน แม่นึกว่าคนในบ้านซื้อมาวางไว้จึงเปิดกิน แม่บอกให้ตนชิมดู ตนจึงหยิบขวดรู้สึกว่าเย็นเท่ากัน ตนจึงกิน 1 อึกขวดที่แม่เปิดกินแล้ว รู้สึกฝาดลิ้นแต่ไม่มีกลิ่น


หลังดื่มน้ำอัดลม 1 อึก ตนเข้าไปนอนในห้องประมาณ 10 นาที รู้สึกร้อน เหงื่อออกเต็มตัว พอลุกขึ้นจะไปเปิดพัดลมแต่ล้ม เพราะขาอ่อนแรง ตนจึงเรียกพ่อให้มาเปิดพัดลมให้ แต่พ่อบอกว่ากำลังดูแม่ เพราะแม่น้ำลายฟูมปาก ไม่รู้สึกตัวแล้ว ตนจึงกัดฟันลุกมาอาบน้ำและล้วงคออาเจียน ทำให้อาการดีขึ้น

ตนคิดว่าคนก่อเหตุหมายเอาชีวิตยกบ้าน ถ้าตนไม่ฝืนเดินออกมาล้วงคออาเจียนอาจจะไม่มีชีวิตอยู่ ตนโวยวายว่าแม่เอาอะไรให้ตนกิน จึงมีอาการหายใจไม่ออก ตนคิดไม่ออกว่าใครจะมาวางยาฆ่าครอบครัว และคิดว่าคนทำหวังฆ่ายกครัว ถ้าคนร้ายดูอยู่อยากให้ออกมามอบตัว มารับกรรมที่ทำไว้

นายถวัลย์ สามีผู้ตาย เชื่อว่าเป็นการฆาตกรรม แต่ไม่รู้ว่าใคร เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีศัตรูที่ไหน ลูกและภรรยาก็เช่นกัน


ล่าสุด พ.ต.อ.ฉกาจน์ เทียมวงศ์ รอง ผบก.ภ.จว.อุดรธานี เปิดเผยว่า จากการประชุมของทีมสืบสวน ได้สั่งการให้แบ่งชุดทำงานออกเป็น 2 ชุด ชุดสืบสวนของตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานีให้ตรวจเช็กข้อมูลทางอากาศ ชุดสืบสวนหนองวัวซอจะลงพื้นที่ติดตามพยานบุคคลในพื้นที่ที่คาดว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะลูกสะใภ้ที่ชื่อน้อง และพยานแวดล้อมจากเพื่อนบ้านข้างเคียง กล้องวงจรปิด ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำพยานไปแล้ว 2 คน คือ ตัวสามีและลูก นอกจากนี้ยังมีการเก็บวัตถุพยานต่างๆ ส่งตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์

ตำรวจตั้งปมไว้ 2 ประเด็น คือ ความขัดแย้ง ทะเลาะวิวาทภายในครอบครัว และความขัดแย้งกับเพื่อนบ้าน โดยประเด็นความขัดแย้งกับเพื่อนบ้านเนื่องจากครอบครัวของผู้ตายเป็นคนเร่ร่อน ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ก็จะมีปัญหากับชาวบ้าน ส่วนปัญหาภายในครอบครัวคือปัญหากับลูกสะใภ้ กรณีลูกสะใภ้ที่ตกผู้ต้องสงสัย เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการติดตามมาสอบปากคำ เนื่องจากหลังเขาทะเลาะกับครอบครัวนี้ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เขาก็หายออกจากบ้านไป แต่ได้ข้อมูลว่ายังวนเวียนในหมู่บ้าน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก