รัฐสภา 2 ก.ค. – “พริษฐ์” จี้ กกต. เร่งประกาศรับรอง สว. 200 คน ให้กลไกรัฐสภาเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญได้เร็วขึ้น มองข้อครหาคุณสมบัติ สว.ชุดใหม่ เพราะต้นเหตุมาจาก รธน.60
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึง ว่าที่ สว.ชุดใหม่ 200 คน ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องของคุณสมบัติ เพราะเป็นผู้ที่จะมาพิจารณากลั่นกรองกฎหมายและเห็นชอบบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งในองค์กรองค์กรอิสระ ว่าทุกอย่างที่เห็นคือผลลัพธ์ของกติกาที่ถูกออกแบบในรัฐธรรมนูญ ซึ่งเมื่อมาถึงขณะนี้จะทำอย่างไรให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เร่งตรวจสอบข้อร้องเรียนให้แล้วเสร็จเร็วที่สุด เพื่อที่จะรับรองผลการคัดเลือก สว.ชุดใหม่ โดยเร็ว ซึ่งก่อนที่จะเริ่มกระบวนการเลือก สว. ตนในฐานะประธานคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมือง ได้ชี้ไว้ให้เห็นว่ากฎหมายไม่ได้เขียนไว้ว่าจะต้องประกาศผลภายในกี่วัน ไม่เหมือนกับการเลือกตั้ง สส. โดยกฎหมายเขียนไว้แค่ว่าหลังจากการเลือกเสร็จให้รอไว้ 5 วัน ซึ่งถ้า กกต. เห็นว่าการเลือกเป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรมให้ประกาศรับรองผล
นายพริษฐ์ กล่าวว่า เพื่อประโยชน์ให้กลไกทางการเมืองเดินหน้าต่อไปได้ อยากให้ กกต. ตรวจสอบข้อร้องเรียนให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อประกาศรับรองผล เพื่อให้มี สว.ชุดใหม่ เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งบทบาทของ สว. ส่วนสำคัญในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมถึงบทบาทในการรับรองตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ และการพิจารณากฎหมายที่เป็นกฎหมายปฏิรูปที่จะต้องพิจารณาร่วมกัน
“คิดว่า กกต. ควรจะทำให้เร็วที่สุด ความจริงก่อนที่จะเริ่มคัดเลือก ตนพยายามให้ กกต. รับประกัน เพราะเห็นถึงช่องว่างทางกฎหมายตรงนี้ จึงอยากให้ออกมายืนยันว่าจะใช้เวลากี่วัน ซึ่งเท่าที่ได้ติดตามทาง กกต. ไม่เคยออกมายืนยัน เรื่องกรอบเวลา ในเมื่อเลยมาถึงตรงนี้แล้วก็ต้องย้ำว่าโดยเร็วที่สุด” นายพริษฐ์ กล่าว
นายพริษฐ์ กล่าวว่า วันพฤหัสบดีนี้ คณะกรรมาธิการพัฒนการเมืองจะเชิญ กกต. มาถอดบทเรียนและตอบข้อซักถามที่เกี่ยวกับการคัดเลือก สว.ชุดใหม่
ส่วนจากปัญหาและข้อร้องเรียนต่างๆ จะทำให้เกิดสุญญากาศทางการเมือง และ สว.ชุดปัจจุบัน ยังทำหน้าที่ต่อ นายพริษฐ์ กล่าวว่า สุญญากาศจะมีความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นน้อยลง ถ้า กกต. เร่งประกาศผล แน่นอนว่าตนเองไม่ได้เห็นด้วยกับกติกาที่เกิดขึ้น แต่กติกาถูกกำหนดออกมาแบบนี้ก็เป็นหน้าที่ของ กกต. ที่ต้องพยายามทำให้การเปลี่ยนผ่านจาก สว.ชุดเก่ากับชุดใหม่ เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด
ส่วนมีความกังวลกับการทำหน้าที่ของ สว.ชุดใหม่ ที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่ามาจากการจัดตั้งของนักการเมืองบ้านใหญ่จังหวัดหนึ่ง จะมีความเป็นอิสระและเป็นกลางหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า สิ่งที่ประชาชนตั้งข้อสังเกตถือเป็นผลลัพธ์จากการออกแบบกติกาครั้งนี้ ดังนั้น ควรมองไปข้างหน้าว่า สว.ชุดใหม่ จะมีความสำคัญในการกำหนดอนาคตการเมืองไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งวาระการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ไม่ใช่การแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องพิจารณาในที่ประชุมร่วมอย่างเดียว แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ว่ามาตราใดก็ตาม ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ถ้าไม่ได้เสียงเกิน 1 ใน 3 ของสมาชิกวุฒิสภา
ส่วนโอกาสผ่านรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ระหว่าง สว.ชุดเก่า กับ สว.ชุดใหม่ สว.ชุดไหนมีโอกาสมากกว่ากัน นายพริษฐ์ กล่าวว่า ถ้า สว.ชุดเดิม ตนไม่ต้องวิเคราะห์ดูจากสถิติก็คงเห็น เพราะเราเคยเสนอเรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าไปเกือบ 30 ร่าง แต่ผ่านมาได้แค่ร่างเดียว คือเรื่องระบบเลือกตั้ง เราก็เห็นผลงานอันเป็นที่ประจักษ์ของ สว.ชุดเก่า ในการพยายามที่จะปกป้องรัฐธรรมนูญ 60 แต่ในส่วนของ สว.ชุดใหม่ คงจะได้พิสูจน์กัน หากพรรคการเมืองได้มีการยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าไป ก็จะมองได้ 2 ประเภทคือ 1.ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะนำไปสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งในเวลานี้ทางประธานสภาฯ ก็ยังไม่บรรจุจนกว่าจะมีการจัดทำประชามติรอบแรก ซึ่งหากร่างได้ถูกบรรจุเข้าสู่ที่ประชุมสภาฯ ข้อถกเถียงสำคัญคือที่มาขององค์ประกอบของสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ซึ่งทั้งร่างของพรรคก้าวไกลและร่างพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่า สสร. ต้องมาจากการเลือกตั้ง 100% แต่เป็นการยืนยันที่ไม่ได้มาจากฝั่งรัฐบาล แต่ถ้าหากมีหลายโมเดล สสร. เข้ามา บทบาทของ สว. จะมีความสำคัญมาก
ส่วนร่างประเภทที่ 2 คือร่างแก้ไขรายมาตรา เพราะการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ อาจจะต้องใช้เวลามากถึง 1-2 ปี ซึ่งอะไรที่เป็นปัญหาระหว่างทางสามารถแก้ไปก่อนได้ ก็อาจจะมีการขอแก้รายมาตราคู่ขนานกับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งจะเป็นบทพิสูจน์ว่า สว.ชุดใหม่ จะมองเรื่องนี้อย่างไร
ส่วนคุณสมบัติของ สว.ชุดใหม่ ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมจำนวนมากว่าอาจจะทำหน้าที่ สว. อย่างมีประสิทธิภาพได้หรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ทุกคนผ่านกติกาที่ถูกออกแบบมาในวันรัฐธรรมนูญปี 60 หากไม่ได้พบการกระทำใดที่ติดขัดกับกฎหมาย และทุกคนก็เข้ามาด้วยวิธีการที่ถูกบังคับใช้กับทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน แต่ถ้ามีการดำเนินการใดๆ ของผู้สมัครที่ขัดต่อกฎหมาย กกต. ก็ต้องเร่งตรวจสอบและลงโทษตามกระบวนการ แต่ถ้าหากไม่มีใครทำอะไรที่ผิดกฎหมาย คนก็ผ่านกระบวนการเดียวกันมา แต่ถ้าหากเราคิดว่าจะต้องปรับเรื่องของกระบวนการได้มาให้เป็นการเลือกตั้งในวงกว้าง หรือจำเป็นจะต้องมีวุฒิสภาหรือไม่ นี่ก็ถือว่าเป็นโจทย์ที่เราจะสามารถพูดคุยกันได้ ซึ่งในมุมของก้าวไกลคนที่จะตัดสินว่าจะออกแบบวุฒิสภาอย่างไร หรือจำเป็นจะต้องมีวุฒิสภาหรือไม่ก็ควรจะเป็นสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนโดยตรง.-315