กมธ.งบฯ 68 เตรียมส่งต่อให้อนุ กมธ.ฯ ศึกษาปรับลดงบฯ

รัฐสภา 28 มิ.ย.-กมธ.งบฯ 68 แจงภาพรวมเตรียมส่งต่อให้อนุ กมธ.ฯ ศึกษาปรับลดงบฯ ระบุเทศบาลตำบล กว่า 2,000 หน่วย จะเสนองบฯ โดยตรงครั้งแรก คาดใช้วิธีเสนอทางไกลผ่านซูม ลดความยุ่งยากและล่าช้า

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 แถลงความคืบหน้าการประชุมของคณะกรรมาธิการฯ ที่ผ่านมาใช้เวลา 1 วัน 18 ชั่วโมง มีหน่วยงานที่ผ่านการ พิจารณา งบกลาง 11 รายการ 14 หน่วยงาน 1 กองทุน คิดเป็นร้อยละ 0.68 โดยช่วงต้นได้พิจารณาข้อมูลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจของประเทศงบประมาณรายจ่ายและการตรวจสอบงบการเงินของหน่วยรับงบประมาณในภาพรวม 4 หน่วยงานได้แก่กระทรวงการคลัง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงบประมาณ โดยกรรมาธิการตั้งข้อสังเกตว่า ปัจจุบันยังไม่เห็นแผนการปฏิรูปภาษีในอนาคตและแนวทางการจัดการหนี้สาธารณะมีแค่เพียงการรายงานว่าแนวโน้มของการขาดดุลงบประมาณจะทยอยลดลงในทุกปี และแนวทางการแก้ไขปัญหาดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นในแต่ละปี ดังนั้นแผน บริหารการคลังระยะปานกลางควรกำหนดแนวทางและกรอบระยะเวลาการแก้ไขปัญหาให้ชัดเจนต่อไป


สำหรับการพิจารณามาตรา 6 งบงบประมาณรายจ่ายงบกลาง ประกอบด้วย สำนักงาน กปร. กรมบัญชีกลาง สำนักงานปลัดกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ ซึ่งกรรมาธิการมีข้อห่วงใยในงบกลางกรมบัญชีกลาง โดยให้ข้อสังเกต คือควรพิจารณาแนวทางการตั้งงบ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลข้าราชการลูกจ้างและพนักงานของรัฐ ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี ในปี 2568 ตั้งงบประมาณวงเงิน 90,000 กว่าล้านบาท และคาดว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า จำนวนวงเงินงบประมาณเพิ่มขึ้น จำนวน 150,000 ล้านบาท จึงควรหาแนวทาง หรือหลักเกณฑ์การคัดเลือกโรคที่มีค่าใช้จ่ายในการรักษาสูง พิจารณาลดค่าใช้จ่ายดังกล่าวไม่เป็นภาระกับงบประมาณต่อไป

อีกทั้งมีข้อกังวลในที่ประชุมต่องบกลาง รายการ ค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจของสำนักงานปลัดกระทรวงการคลังวงเงินจำนวน 157,200 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบจำนวนมาก แต่ไม่มีรายละเอียดโครงการว่ามีการประมาณการว่าได้ผลสัมฤทธิ์มากน้อยเพียงใด จึงขอให้ทำสรุปข้อมูลให้ชัดเจนและนำกลับมาพิจารณาอีกครั้ง


และในการพิจารณามาตรา 7 สำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งการพิจารณาวานนี้ มีหน่วยรับงบประมาณในสำนักนายกรัฐมนตรี ผ่านการพิจารณาทั้งสิ้น 14 หน่วยงาน 1 กองทุน โดยมีประเด็นที่กรรมาธิการ ให้ข้อสังเกตที่น่าสนใจ คือ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี มีโครงการติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในระดับพื้นที่ด้านสิ่งแวดล้อม แต่เนื้องานตามที่ขอรับการจัดสรรงบประมาณ ให้ความสำคัญกับการจัดอบรมสัมมนาในโรงแรม จึงควรเปลี่ยนเนื้องานให้มีความสอดคล้องกับ วัตถุประสงค์ของโครงการ , สำนักงาน ก.พ. ควรพิจารณาเพิ่มจำนวนบุคลากรสายวิชาชีพให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

รามถึงการเพิ่มกรอบอัตรากำลัง ของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ เพื่อให้มีบุคลากรเพียงพอต่อการปฏิบัติงาน , องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ทยอยรับโอนกิจการของโรงพยาบาลสงเสริมสุขภาพตำบล แต่ไม่มีการถ่ายโอนบุคลากรเข้าไปทำงาน ดังนั้น สำนักงาน ก.พ. จึงควรหาแนวทางการสร้างตำแหน่งใหม่ เพื่อลดการขาดแคลนบุคลากรด้านสาธารณ์สุขในพื้นที่ , สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจแสะสังคมแห่งชาติ มีการจัดทำร้ายงานวิเคราะห์สถานการณ์ความยากจนและความเหลื่อมล้ำในประเทศไทยในแต่ละปี แต่ในทางปฏิบัติยังไม่มีการนำรายงานมาปรับใช้ เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหา โดยในการประชุมวันนี้ จะมีการพิจารณาต่อในมาตรา 7 สำนักนายกรัฐมนตรี รวม 7 หน่วยงาน 2 กองทุน

นายอนุสรณ์ กล่าวว่าในการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ. งบฯ ครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่เทศบาลตำบลจำนวน 2,247 หน่วย จะทำหน้าที่เป็นหน่วยรับงบประมาณโดยตรง ดังนั้นที่ประชุมจึงได้มอบหมายให้สำนักงบประมาณและฝ่ายเลขานุการในคณะกรรมาธิการ ร่วมกันกำหนดแนวทางในการพิจารณาให้มีประสิทธิภาพ เพราะหากจะให้ เทศบาลตำบล 2,247 หน่วย เดินทางมายังรัฐสภาก็ไม่น่าจะสะดวก รวมถึงอาจจะเกิดความล่าช้าและส่งผลต่อประสิทธิภาพในการพิจารณา ดังนั้น คาดว่าจะใช้รูปแบบการพิจารณาผ่านการประชุมอิเล็กทรอนิกส์ทางไกล หรือ ระบบซูม เพื่อให้หน่วยรับงบประมาณเสนอการใช้งบโดยตรงต่อกรรมาธิการ


นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ขณะนี้ กรรมาธิการฯ ยังไม่ได้พิจารณาปรับลดงบฯ โดยเป็นการพิจารณาภาพรวม จากนั้นจะพิจารณาปรับลดในชั้นอนุกรรมาธิการต่อไป

ส่วนงบโครงการดิจิลทัลวอลเล็ตนั้น นายอนุสรณ์ ระบุว่า นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้ระบุว่า ในการประสานงานของผู้มาชี้แจง อาจเตรียมเอกสารไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ เพราะผู้ที่ต้องมาชี้แจงหลักติดภารกิจ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา ทางกรรมาธิการฯ ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปรวบรวมข้อมูลมาชี้แจงอีกครั้ง.-315.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สาวซิ่งรถหรูชนท้าย จยย. ทำแม่ลูกดับ 3 ศพ

แม่ขี่ จยย.ไปรับลูก 2 คน กลับจากเรียนพิเศษ ถูกสาวขับรถหรูซิ่งชนท้าย ร่างกระเด็นตกสะพานข้ามรางรถไฟ เสียชีวิตทั้ง 3 คน ส่วนผู้ก่อเหตุอุ้มแมว ทิ้งรถ หลบหนีไป

ปิดล้อมล่ามือปืนคลั่งสังหาร 3 ศพ

ตำรวจเร่งไล่ล่ามือปืนคลั่งก่อเหตุยิง 3 ศพ ในพื้นที่ จ.หนองบัวลำภู ล่าสุดปิดล้อมพื้นที่กว่า 1,000 ไร่ รอยต่อ จ.เลย หลังพบเบาะแสคนร้ายหนีไปซ่อนตัว ขณะที่ชนวนสังหารยังไม่แน่ชัด

ลูกชายมือปืนคลั่งยิง 3 ศพ พาครอบครัวหนีตาย พ่อโพสต์ขู่ฆ่าล้างครัว

ลูกชายมือปืนคลั่งยิงดับ 3 ศพ ต้องพาภรรยาและลูก รวมถึงพ่อตา-แม่ยาย หนีไปอยู่ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง หลังพ่อโพสต์ข้อความขู่จะฆ่าล้างครัว เหตุจากปัญหาในครอบครัว

ชายคลั่งยิง3ศพ

ชายคลั่งยิงดับ 3 ศพ โผล่วัดที่ จ.เลย ขอข้าวกิน ก่อนหนีเข้าป่า

แม่ครัววัดภูคำเป้ ต.ผาสามยอด อ.เอราวัณ จ.เลย เผยพบชายคลั่งยิงดับ 3 ศพ เดินเข้ามาในวัดด้วยสภาพอิดโรย ขอข้าวกิน ลักษณะรีบกินเหมือนวิตกกังวล หลังกินเสร็จรีบเดินเข้าป่าหายไป ก่อนมาทราบภายหลังว่าเป็นผู้ก่อเหตุยิงคนเสียชีวิต

ข่าวแนะนำ

สงขลาประกาศเขตภัยพิบัติแล้วทุกอำเภอ เร่งช่วยน้ำท่วมวิกฤติ

ผู้ว่าฯ สงขลา ลงนามประกาศให้ทั้ง 16 อำเภอ เป็นเขตพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินอุทกภัยและวาตภัย เพื่อเร่งรัดให้ความช่วยเหลือประชาชน บรรเทาความเดือดร้อน โดย อ.จะนะ เทพา นาทวี และสะบ้าย้อย ยังมีระดับน้ำท่วมเพิ่มสูงขึ้น

จ.ยะลา น้ำท่วมสูงสุดเป็นประวัติการณ์รอบหลายสิบปี

จ.ยะลา โดยเฉพาะ อ.เมือง ปีนี้น้ำท่วมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบหลายสิบปี และวันนี้ (28 พ.ย.) น้ำยังขยายวงกว้างอีกหลายจุด ประชาชนได้รับความเดือดร้อนมากกว่า 120,000 คน ถนนถูกน้ำท่วมแล้ว 158 สาย ใน 8 อำเภอ 58 ตำบล

ศาลไม่ให้ประกันเมีย-ลูก “หมอบุญ” ชี้ความเสียหายสูง หวั่นหลบหนี

ศาลอาญาไม่ให้ประกันภรรยา-ลูก “หมอบุญ” ชี้การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ความเสียหายสูง เกรงหลบหนี ยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน ส่วนปมปลอมลายมือชื่ออยู่ระหว่างตรวจพิสูจน์

มือยิง 3 ศพ ขอโทษ-สำนึกผิด อ้างบันดาลโทสะ

ตำรวจแถลงข่าวจับกุม “สามารถ” ผู้ต้องหายิง 3 ศพ ในพื้นที่ อ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู หลังจากติดต่อมอบตัว พร้อมยอมรับผิด ขอโทษญาติผู้เสียชีวิต อ้างบันดาลโทสะจึงก่อเหตุ และไม่มีอาการคลั่งตามที่เป็นข่าว