“พิธา” แนะรัฐบาลชัดเจนเกี่ยวกับแผนรายได้และหนี้

รัฐสภา 21 มิ.ย.-“พิธา” ถามรัฐบาลมั่นใจการเก็บรายได้อย่างไร แนะทำตามแนวทาง OECD เสนอความชัดเจนเกี่ยวกับแผนรายได้และหนี้ – ปฏิรูปภาษีอย่างเป็นธรรม – ช่วยเหลือประชาชนงบไม่ครอบคลุม – จัดทำงบอย่างโปร่งใส

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายในการ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 ว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ 2 – 3 ปีที่ผ่านมา ยังไม่ดีขึ้น และถูกกดดันด้วยปัจจัยในประเทศ ทั้งสินค้าที่แพงขึ้น หนี้ครัวเรือน ภัยพิบัติ โรคระบาด สังคมสูงวัย ยาเสพติด วิกฤตทางการเมือง ส่วนปัจจัยภายนอก ทั้งสงคราม การกีดกันการค้า เทคโนโลยี ดังนั้น งบประมาณที่รอบคอบ ที่มีการบริหารความเสี่ยง และมีความสมดุลย์ ระหว่างการกระตุ้นเศรษฐกิจ และความเป็นดีอยู่ดีของพี่น้องประชาชน จึงเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับปี 2568


ในขณะเดียวกันปีนี้เป็นปีที่ 6 ในในการอภิปรายเรื่องงบ อาจไม่มากแต่นานพอที่จะบอกว่ารูปร่างงบประมาณไม่ต่างกันมาก มีโอกาสได้ดูการทำงบประมาณของ OECD (องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ) หรือ The Organization for Economic Cooperation and Development ที่มีข้อเสนอแนะดี ๆ ในการทำงบประมาณ ขั้นตอนต่อจากนี้ที่ไทยจะเข้าสู่ OECD ต้องมีการปรับปรุงมาตรฐานกฎหมาย นโยบาย และแนวปฏิบัติให้สอดคล้อง

งบประมาณ คือ การเรียงลำดับความสำคัญ ทรัพยากรมีจำกัดทุกประเทศ คือการจัดความสำคัญกับประชาชนที่จ่ายภาษี และรัฐที่ใช้ภาษี ใครจ่าย ใครใช้ ใครเจริญ ใครถูกมองข้าม เป็นสิ่งที่เห็นได้ชัด อย่างกรณีการจัดงบประมาณของประเทศนิวซีแลนด์ ที่คำนึงถึงผลประโยชน์ระยะยาว ไม่ได้คิดแค่การปล่อยเงินจากบนลงล่าง หรือล่างขึ้นบน แต่บางครั้ง สิ่งที่ประชาชนต้องการ อาจไม่ใช่พายุเศรษฐกิจ แต่ต้องการลมใต้ปีกของคนตัวเล็ก ๆ ที่ต้องทำงบประมาณแบบละเอียด ไม่ได้ต้องการพาประเทศไปสู่ความเสี่ยงระยะยาว ต้องการโครงการเล็ก ๆ ที่เห็นคนข้างล่างรวมกัน ทำให้เศรษฐกิจโตได้ และลดความเหลื่อมล้ำไปได้


วาระที่ 1 ประมวล รายได้ของรัฐ + เงินกู้จะ = รายจ่ายของรัฐ ซึ่งปัจจุบันไม่เพียงพอกับรายจ่าย จึงต้องมีการกู้เพิ่ม โดยรายได้ของรัฐ มาจากส่วนที่เสียภาษี คือ กรมสรรพากร กรมสรรพสามิต ส่วนราชการอื่น พาณิชย์ เมื่อรวมกับเงินกู้ จะกลายเป็นค่าใช้จ่ายบุคลากร การชำระหนี้ท้องถิ่น งบผูกพัน สวัสดิการ โครงการดิจิทัล วอลเล็ต และอีก 1 ใน 4 จะเป็นงบประมาณคงเหลือที่ใช้แก้ปัญหาเรื่องอื่นๆ

นายพิธา ยกแผนผังรายได้ของรัฐมีความผันผวน และสัดส่วนการเก็บรายได้ลดลง เมื่อเทียบกับ GDP ซึ่งเป้าหมายของประเทศในกลุ่ม OECD จะมีเป้าหมาย 16 – 18% ซึ่งขณะนี้อยู่ที่ 14 – 15% เท่านั้น จึงเกิดคำถามว่าแผนการจัดเก็บรายได้ของรัฐที่มีความผันผวนมาตลอด รัฐบาลจะมีแผนงานอย่างไร ที่ทำให้ประชาชนมั่นใจได้ว่ารายได้ในอนาคต สามารถเป็นรายได้ที่จะนำมาใช้จ่ายในประเทศได้ โดยไม่ต้องกู้มากขึ้น

นายพิธา ระบุว่า ข้อมูลล่าสุด สะท้อนให้เห็นว่าการจัดเก็บรายได้ รัฐมีความเสี่ยงที่จะทำไม่ได้ตามเป้า อย่างกรมสรรพสามิต จากกรณีที่หยิบยกมาการเก็บรายได้ 7 เดือน จาก 12 เดือน จัดเก็บพลาดไปแล้ว 35,498 ล้านบาท ซึ่งยกตัวอย่าง การเก็บภาษีพลาดเป้าที่ผ่านมา เกิดจากนโยบายของรัฐบาลในการลดภาษีดีเซล และเบนซิน สะท้อนให้เห็นว่าเวลารัฐบาลทำนโยบาย บางครั้งอาจมีความจำเป็นที่ต้องทำ แต่มีราคาที่ต้องจ่าย คือเรื่องรายได้ของรัฐที่หายไป จึงอยากฟังจากกระทรวงการคลัง ว่าจะแก้ไขปัญหาส่วนนี้อย่างไร


สิ่งที่อยากเห็นจากรัฐบาลชุดนี้ คือ แผนรายได้ประเทศ การปฏิรูปภาษี จะทำอย่างไร จะขยายฐานภาษีทางเศรษฐกิจอย่างไร ที่จะไม่ทำให้คนตัวเล็กลำบากมากเกินไป ภาษีมูลค่าเพิ่มที่จะขยายเพิ่มอาจซ้ำเติมความเหลื่อมล้ำ หากคิดตามสัดส่วนรายได้ การบริโภคสินค้าประเภทเดียวกัน คนจนจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มมากกว่าคนรวย ส่วนแนวราบ หรือฐานคนเสียภาษีน้อย ที่จะต้องเพิ่มแรงจูงใจให้คนยื่นภาษีกว้างมากขึ้น

การสร้างรายได้ใหม่ ๆ ให้กับประเทศ จึงอยากถามกระทรวงการคลังเกี่ยวกับเรื่องสุราก้าวหน้า ขอแค่แก้กฎกระทรวง และส่งเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็สามารถแก้ไขเรื่องนี้ได้ทันที โดยที่ไม่ต้องผ่านสภา เหมือนในสมัยรัฐบาลที่แล้ว ยืนยันว่าสามารถทำได้เลยและเพิ่มสรรพสามิตใหม่ ๆ ให้กับประเทศ

นายพิธา ยกตัวอย่าง คำพูดในเว็บไซต์ของพรรคเพื่อไทย คือ “คุณคิดว่าจะมีประชาชนที่ไหนยอมเข้าคิวเสียภาษีล่วงหน้า ง่ายนิดเดียว เอาต้มใต้ดิน มาต้มบนดิน และประชาชนจะเข้าคิวเพื่อซื้อแสตมป์สรรพสามิต มาติดปากขวดเหล้าเพื่อขาย คุณเข้าใจความยิ่งใหญ่นี้ไหม” หากไม่อยากทำตามในสิ่งที่ตนเองพูดไป อย่างน้อย ทำตามสิ่งที่เว็บไซต์ของพรรคเพื่อไทยเคยทำไว้ ก็น่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยกับประชาชน

ส่วนเรื่องการกู้ ภาระดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นประมาณสองเท่า ย้ำว่า ทุกอย่างมีต้นทุน ซึ่งต้องมาเสียดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นในอนาคต และอีกเรื่องคือความยืดหยุ่นในการทำงบประมาณ ซึ่งครั้งนี้เป็นการไต่เส้น ใกล้เคียงกับกรอบงบประมาณ ทั้งการกู้ปริ่มเพดาน ภาระผูกพันงบประมาณข้ามปี ควรทำอะไรที่เสี่ยงขนาดนี้ เดิมพันกับอนาคต มากขนาดนี้หรือไม่อย่างไรเชื่อว่าประชาชนตัดสินใจได้ อนาคตเรามั่นใจมากน้อยแค่ไหนกับน้ำบ่อหน้า รวมถึงความเชื่อมั่นของทุกภาคส่วนก็ดูไม่สู้ดีนัก รวมถึงงบรายจ่าย เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่น เราไม่ค่อยเน้นเรื่องรายได้ หรือแผนเงินกู้ ทำให้เห็นภาพครบทุกมุม อัตราการเติบโตของรายได้โตไม่ทันรายจ่ายของประเทศ ทำให้อัตราการกู้สูงขึ้นเรื่อย ๆ

วาระที่สองการขยาย ได้ยกคำพูดของอดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อปี 2565 ถ้ารัฐบาลไม่จนปัญญาจริง ๆ ไม่แจกหรอก เน้นเรื่องการใช้เงินสร้างเศรษฐกิจให้แข็งแรงขึ้น ต้องหาสมดุลย์ระหว่างการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการลดความเหลื่อมล้ำ การหาสมดุลย์ผลประโยชน์ระยะสั้นและความเสี่ยงในระยะยาวมองเห็นกระตุ้น Ignite และเห็นหัวประชาชนที่ถูกมองข้าม การกระตุ้นเศรษฐกิจมีหลายมิติ ปัญหาของ GDP เป็นเรื่องเกี่ยวกับการลงทุน การต่อสู้กับการขาดทุนทางการค้า ไม่ใช่การบริโภค

ภาคเกษตร ปัญหาที่ดินทับซ้อนงบประมาณกว่า 725 ล้านบาทที่จะใช้ในการแก้ไขต้องใช้เวลากว่า 100 ปี ในการแก้ไขปัญหาทั้งหมด ปัญหาเรื่องการจัดการน้ำแล้ง จากการจัดสรรงบประมาณจะทำได้ได้แค่ 1% ของพื้นที่แรงทั้งหมด และเรื่องสุดท้ายคือการเผาในภาคการเกษตรโดยมีงบประมาณ 2,000,000 ตันจาก 24 ล้านตัน ซึ่งเป็นเพียง 10% หากเราแก้ไขการลงทุนในเครื่องจักร หรือปรับระบบการเพาะปลูก จะสามารถแก้ไขได้

ภาคอุตสาหกรรม งบประมาณที่จัดมาแตกต่างจากประเทศเพื่อนบ้าน ดังนั้น จึงเกิดคำถามว่าจะสู้ได้อย่างไร การเปลี่ยนผ่านที่เป็นธรรมของยานยนต์สันดาปไปอีวี เสนอให้จดงบเพื่อเตรียมตัว การปรับตัวให้ทัน AI ซึ่งงบประมาณน้อยกว่าประเทศอื่นๆ จึงเกิดคำถามว่า งบประมาณเท่านี้ จะสู้กับประเทศอื่นได้อย่างไร

การท่องเที่ยว ต้องรักษาไว้ที่การลงทุนด้วยโครงสร้างพื้นฐาน ต้องมีงบประมาณในการรองรับการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศด้วย

ในขณะที่งบ Ignite ก็มีคนถูก Ignore ด้วย ทั้งสวัสดิการเด็กเล็ก เงินอุดหนุนเด็กเล็กยังไม่ถ้วนหน้า สวัสดิการผู้พิการ เครื่องมือผู้พิการหายไป และสิ่งแวดล้อม งบดูแลไฟป่าที่ไม่เพียงพอ

วาระที่สามข้อเสนอแนะ คือ การปฏิรูปกระบวนการทางงบประมาณ ตั้งแต่การจัดทำ การอนุมัติ และการบริหารงบประมาณตามข้อเสนอแนะของ OECD คือ การมีส่วนร่วมของสาธารณะยังจำกัดและสามารถทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากขึ้น มีการระบุความเสี่ยงการคลังไว้แล้ว แต่การเพิ่มความตระหนักถึงความยั่งยืนการคลังในระยะยาวสามารถปรับปรุงได้ พและการตรวจสอบอิสระซึ่งปัจจุบันยังมีข้อจำกัดอยู่

นายพิธา สรุปว่า 5 สิ่งเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องทำเกี่ยวกับงบประมาณแผ่นดิน คือ ความชัดเจนเกี่ยวกับแผนรายได้กับแผนหนี้ของประเทศ, แผนการปฏิรูปภาษีอย่างเป็นธรรม, แผนการช่วยเหลือประชาชนที่งบประมาณไม่ครอบคลุม, การเปิดเผยกระบวนการการพิจารณางบต่อสาธารณะ และการปรับกระบวนการงบประมาณตามมาตรฐาน OECD.-317.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดชื่อ “73 อรหันต์” ถกร่าง พ.ร.บ.งบฯ 69 ประชุมนัดแรก 9 มิ.ย.

รัฐสภา 31 พ.ค. – เปิดชื่อ “73 อรหันต์” ถกร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 69 ประชุมนัดแรก 9 มิ.ย.นี้ เคาะประธาน-รองประธาน วางกรอบการทำงาน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 จำนวน 73 คน ประกอบด้วย สัดส่วนคณะรัฐมนตรี (ครม.) จำนวน 18 คน คือ 1. นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง 2. นายจักรพงษ์ แสงมณี 3. นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง 4. นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม 5. นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ 6. นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ […]

สภาวุ่น! งูเห่าไทยสร้างไทย เสนอชื่อ กมธ.งบฯ แข่ง

รัฐสภา 31 พ.ค.- สภาวุ่น! งูเห่าไทยสร้างไทย เสนอชื่อ กมธ.งบฯ แข่ง ประธานสั่งพักประชุม 5 นาที สุดท้ายงูเห่ายอมถอย ไปอยู่สัดส่วน ครม.แทน การประชุมสภาผู้แทนราษฎรหลังที่ประชุมมีมติรับหลักการร่างพระราชบัญญัติพิจารณางบประมาณรายจ่ายงบประมาณ 2569 ในขั้นตอนการเสนอชื่อกรรมาธิการวิสามัญฯ จำนวน 73 คน ในสัดส่วนของพรรคไทยสร้างไทย จำนวน 1 คน โดยนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ประธานวิปฝ่ายค้าน และ สส.พรรคประชาชน ได้เสนอชื่อ นายชัชวาล แพทยาไทย ขณะที่นางสุภาพร สลับศรี สส.พรรคไทยสร้างไทย นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ ทำให้เกิดการประท้วงกันเนื่องจากมีการเสนอชื่อ 2 คน แต่ปกรณ์วุฒิ ยืนยันว่าพรรคไทยสร้างไทยมีหนังจากกรรมการบริหารพรรคว่าจะเสนอชื่อนายชัชวาล เป็นตัวแทนของพรรคทำให้นายฐากูร ยืนยันว่าที่ผ่านมาการเสนอชื่อบุคคลเป็นกรรมาธิการวิสามัญจะต้องถูกเสนอโดยคนของพรรคตัวเอง ไม่ใช่พรรคอื่น ซึ่งวันนี้พรรคไทยสร้างไทยเสนอชื่อตน แต่พรรคการเมืองอื่นเป็นเสนอชื่ออีกคน ทำให้นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ประธานในที่ประชุม วินิจฉัยว่า ใครจะเป็นผู้เสนอชื่อก็ได้ขอแค่มีผู้รับรอง ก่อนจะให้เวลาทั้ง 2 ฝ่ายหารือกัน […]

“ชาดา” ปลุกรัฐบาล ถ้าไม่แจกเงินหมื่น “นายกฯ เท้ง” มาแน่

รัฐสภา 31 พ.ค.-“ชาดา” ปลุกรัฐบาล ถ้าไม่แจกเงินหมื่น “นายกฯ เท้ง” มาแน่ ลั่นถ้าทำให้นายกฯ ไม่ได้ ก็เปลี่ยนตัว เอาคนอื่นไปนั่งแทน นายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย อภิปรายในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 1 (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ วาระร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 นายชาดา กล่าวว่าในฐานะที่อยู่ในสภาฯ มาพอสมควร ขอชื่นชมฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลมีการพัฒนาในการอภิปรายอย่างมาก ปี 69 มีงบประมาณลงทุน 7 แสนล้านบาท คนพูดกันตลอดเวลาว่าทำไมช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวยในประเทศนี้จึงห่างขึ้นทุกวัน ยกตัวอย่าง ในงบลงทุนเป็นงบก่อสร้าง 4.75 แสนล้านบาท ซึ่งงบก่อสร้างไม่เหมือนในอดีตเพราะต้องถูกตัดไปให้ธนาคาร 5% จึงอยากให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเข้ามาดูเพราะเป็นการเอาเปรียบประชาชน ในจำนวนนี้มีค่าธรรมเนียม 2.5% ต่อปี นอกจากนี้ยังมีเรื่องเร่งรัดการเบิกจ่ายอีก 15% ซึ่งธนาคารตัดไป 3% และคิดค่าธรรมเนียมอีกต่างหาก นายชาดา กล่าวว่างบก่อสร้าง มีเครื่องจักรเหล็กหินวัสดุที่เป็นปูน หากเป็นงานถนนมีแรงงานเพียง 15% เงินส่วนนี้ไม่ได้ไปสู่ระบบข้างล่าง […]

ฝากขังพระเอกลิเกฆ่าลูกเลี้ยงป่วยออทิสติก

นครราชสีมา 30 พ.ค. – ตำรวจคุมตัวพระเอกลิเกฆ่าลูกเลี้ยงป่วยออทิสติก และขืนใจลูกวัย 11 ขวบ ฝากขังศาลจังหวัดนครราชสีมา อ้างวันเกิดเหตุถูกผู้ตายด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย ด้วยความโมโหและมึนเมาสุรา จึงก่อเหตุ ความคืบหน้ากรณีพ่อเลี้ยงพระเอกลิเกสุดโหดใช้ค้อนสำหรับทุบหมู ทำร้ายลูกเลี้ยงนางเอกลิเกที่ป่วยเป็นโรคออทิสติก จนบาดเจ็บเลือดคั่งในสมอง ก่อนที่จะเสียชีวิตในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.นครราชสีมาบุกรวบตัวผู้ต้องหาคือ นายกิติทัช อายุ 48 ปี พระเอกลิเกชื่อ “รักยิ้ม ทับทิมสยาม” พ่อเลี้ยง ได้ที่บ้านพักแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ เมื่อคืนที่ผ่านมา (29 พ.ค.) ขณะผู้ต้องหากำลังเตรียมหลบหนีไปประเทศกัมพูชา ก่อนจะควบคุมตัวมายังสถานีตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมา เพื่อสอบปากคำ เช้าวันนี้ (30 พ.ค.) พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครราชสีมา คุมตัวผู้ต้องหามาสอบสวนขยายผล จนผู้ต้องหา ยอมให้การรับสารภาพว่าเป็นคนก่อเหตุจริง อ้างว่าในวันเกิดเหตุถูกผู้ตายด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย ด้วยความโมโห พร้อมกับมีอาการมึนเมาจากการดื่มสุรา จึงลงมือก่อเหตุดังกล่าว เบื้องต้นพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหา “ทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย” ส่วนข้อหากระทำอนาจารต่อลูกสาววัย 11 ขวบ ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่พบหลักฐาน หากตรวจพบหลักฐานที่ชัดเจนจะแจ้งข้อหาเพิ่มเติม ก่อนจะนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังศาลจังหวัดนครราชสีมา […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ กัมพูชา สั่งระดมทหารประชิดชายแดนไทย

1 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สั่งระดมกำลังทหารประชิดชายแเดนไทย ขณะเดินทางเยือนญี่ปุ่น พร้อมติดตามสถานการณ์บริเวณชายแดนติดกับไทยอย่างใกล้ชิด หนังสือพิมพ์ขะแมร์ ไทมส์ รายงานว่า ฌอง-ฟรองซัว ตัน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ให้สัมภาษณ์สื่อในประเทศ ระบุว่านับตั้งแต่เกิดเหตุความขัดแย้งตามมแนวชายแดนระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจเยือนญี่ปุ่น ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จนกระทั่งเดินทางกลับมายังกัมพูชา เมื่อคืนที่ผ่านมา และได้สั่งการด้วยตัวเองให้ระดมกำลังทหารเพิ่มเติมเข้าประชิดชายแดนด้านที่ติดกับไทย เพื่อปกป้องอธิปไตยและพรมแดนกัมพูชา พร้อมกับยืนยันว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนด้านที่ติดกับไทย กลับมาสงบเรียบร้อยตามปกติแล้ว นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ยังได้ติดต่อและสั่งการตามสายงานลงไปยังรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และเสนาธิการกองทัพบก ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอย่างต่อเนื่อง หลังเกิดการปะทะกันครั้งล่าสุดระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย พร้อมกับเรียกร้องประชาชนชาวกัมพูชาเชื่อมั่นการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพและรัฐบาลกัมพูชา ในการปกป้องดินแดน และหาหนทางแก้ไขความขัดแย้งบริเวณชายแดนติดกับไทย โดยยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ และหลังจากนี้ คณะกรรมการพรมแดนของกัมพูชา มีกำหนดพบหารือในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียดข้อขัดแย้ง และนำเสนอเพื่อเข้าสู่การเจรจาต่อไป.-สำนักข่าวไทย

วิวคว้าแชมป์

“วิว-บาส-เฟม” คว้าแชมป์แบดฯ สิงคโปร์ โอเพ่น

1 มิ.ย. – “วิว กุลวุฒิ” ตบชนะ ลู กวาง ซู จากจีน 2 เกมรวด คว้าแชมป์ชายเดี่ยวแบดมินตันสิงคโปร์ โอเพ่น ส่วน “บาส-เฟม” คว้าแชมป์คู่ผสมมาครองได้สำเร็จ แบดมินตัน ระดับเวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 750 รายการ สิงคโปร์ โอเพ่น ที่ประเทศสิงคโปร์ ประเภทชายเดี่ยว รอบชิงชนะเลิศ “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ นักตบลูกขนไก่ชาวไทย ที่เพิ่งสร้างประวัติศาสตร์ เป็นนักของไทยคนแรกที่ขึ้นมือ 1 ของโลก ตบเอาชนะ ลู กวาง ซู จากจีน 2 เกมรวด 21-6 , 21-10 คว้าแชมป์ไปครอง พร้อมฉลองแชมป์ ก่อนขึ้นมือ 1 ของโลกอย่างทางการในสัปดาห์ในการประกาศจากสหพันธ์แบดมินตันโลก (BWF) และยังเป็นแชมป์ที่ 4 ในปีนี้ของ “วิว” […]

“มาริษ” แถลงสถานการณ์ “ไทย-กัมพูชา” คาด 1-2 สัปดาห์ได้ประชุม “JBC”

.ต่างประเทศ 1 มิ.ย.-“มาริษ” นำแถลงสถานการณ์ “ไทย-กัมพูชา” ยันทำทุกทางไม่ให้บานปลาย ย้ำ กต.ไม่สบายใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เผยยกหูหา “รองนายกฯ กัมพูชา” แล้ว เห็นพ้องตรงกัน เกิดความสงบความเรียบร้อยตามแนวชายแดน ด้าน “โฆษก กต.” ยันโพสต์ “ฮุนเซน” ไม่มีผล คาด 1-2 สัปดาห์ได้ประชุม “JBC” แน่ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นำแถลงข่าวเกี่ยวกับพัฒนาการสถานการณ์ไทย-กัมพูชา พร้อมด้วย พลเอก มนัส จันดี เสนาธิการทหาร , นางเอกสิริ ปิณฑะรุจิ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ภายหลังการประชุมกว่า 2 ชั่วโมง ว่า ตนได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ จัดประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือเจบีซี เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามแนวชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชา โดยไทยและกัมพูชา เป็นประเทศที่มีความใกล้ชิดกัน ทั้งในระดับรัฐบาลและประชาชน จึงจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องดำเนินการทุกวิถีทางที่จะไม่ให้สถานการณ์บานปลายถึงขั้นกระทบกระเทือนถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ ซึ่งถ้ากระทบมากไปจะไม่เป็นผลดี อย่างไรก็ตาม ได้มีเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ช่องบก […]

“วิว กุลวุฒิ” นักแบดชายเดี่ยวไทยคนแรก ขึ้นเป็นมือ 1 โลก

สิงคโปร์ 1 มิ.ย.-“วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ นักตบลูกขนไก่ มือ 2 ของโลก ผ่านเข้าชิงชนะเลิศ แบดมินตัน สิงคโปร์ โอเพ่น 2025 พร้อมจะขยับขึ้นเป็นมือ 1 โลกชายเดี่ยว เป็นคนแรกของไทย ผลการแข่งขัน แบดมินตัน สิงคโปร์ โอเพ่น 2025 รายการระดับ เวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 750 ชิงเงินรางวัลรวม 1,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 33 ล้านบาท ที่สิงคโปร์ ประเภทชายเดี่ยว รอบรองชนะเลิศ “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ มือ 2 ของโลก และเจ้าของเหรียญเงินโอลิมปิก “ปารีสเกมส์ 2024” ตบเอาชนะ หลิน ชุนยี่ มือ 19 ของโลก จากไต้หวัน 2-0 เกม 21-11 […]