ฝากขังญาติ “ชาดา” แจ้งข้อหาเพิ่มหลังตรวจพบสารเสพติด

กทม. 12 มิ.ย. – ตร. แจ้งข้อหาเพิ่ม ญาติ “ชาดา” และพวก หลังผลตรวจพบมีสารเสพติด เตรียมส่งศาลฝากขังวันนี้ พบมีพฤติกรรมคลุ้มคลั่ง ขณะอยู่ในห้องควบคุมผู้ต้องหา จนต้องจับแยก


ความคืบหน้าคดีที่ชุดสืบสวนนครบาล 1 เข้าจับกุมนายนรเศรษฐ์ หลานชายนายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยและพวกรวม 4 คน มั่วสุมพบยาเสพติด ในโรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่ สน. มักกะสัน

พันตำรวจเอกอุรัมพร ขุนเดชสัมฤทธิ์ ผู้กำกับการสน.มักกะสัน เปิดเผยว่า หลังทำบันทึกจับกุมและส่งตรวจสารเสพติด ล่าสุดผลตรวจออกแล้ว พบมีสารเสพติดในผู้ต้องหาทั้ง 4 คน จึงแจ้งข้อหาเสพยาเสพติด เพิ่มอีก 1 ข้อหา โดยผู้ต้องหาทั้ง 4 คนให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาขอไปต่อสู้คดีในชั้นศาล ส่วนการสอบปากคำผู้ต้องหาให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ตลอดทั้งคืนในห้องขังไม่ได้มีการร้องขออะไร โดยวันนี้จะคุมผู้ต้องหา 4 คน คือนายนรเศรษฐ์ นายกิจจา นางสาววาลิส และนางสาวอัญชลีพร ส่งศาลเพื่อขออำนาจศาลฝากขังผัดแรก ในข้อหาเสพยาเสพติด ร่วมกันครอบครองยาไอซ์โดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนนายนรเศรษฐ์ ถูกแจ้งข้อหาเพิ่มมีอาวุธปืนครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืน ไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควรฯ


ด้านนายเกริกเกียรติ ทนายความของผู้ต้องหา เผยว่า ในชั้นพนักงานสอบสวนหลังสอบปากคำทุกคนปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ส่วนที่ผลตรวจพบยาเสพติดก็ว่าไปตามข้อเท็จจริงไม่กังวล ส่วนคดีนี้จะกระทบกับนายชาดา หรือไม่ นายเกริกเกียรติ บอกว่า ไม่เกี่ยวกันเลย และไม่ทราบความสัมพันธ์ของทั้งคู่ทราบเพียงแค่ส่วนของคดี ส่วนที่ผู้ต้องหาไปทำอะไรที่โรงแรมนั้น เท่าที่ทราบคือไปคุยธุระกัน ยืนยันว่าผู้หญิงทั้งสองคนเป็นคนรู้จักกับนายนรเศรษฐ์ ไม่ใช่เด็กเอ็น โดยวันนี้ญาติได้เตรียมหลักทรัพย์ เป็นเงินสดจำนวน 4-5 หมื่นบาทไปประกันตัวในชั้นศาล

ทั้งนี้จากการตรวจสอบประวัติพบว่า นายกิจจา เคยถูกดำเนิน 2 คดี ข้อหานำเข้า ส่งออกจำหน่าย มีไว้ครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ในจังหวัดอุทัยธานี เมื่อปี 2566 และคดีฉ้อโกง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ นำเข้าข้อมูลปลอม ในพื้นที่ สน.ทุ่งครุ เมื่อปี 2565 ส่วนนางสาววาลิส พบมีประวัติลักทรัพย์ด้วย

ล่าสุด เมื่อช่วง 11.00 น. ภรรยาและน้องสาวของ นายกิจจา ผู้ต้องหา ที่เป็นคนขับรถของ นายนรเศรษฐ์ ได้เดินทางมาเยี่ยมสามี โดยทั้งคู่พยายามอยากจะเข้าเยี่ยมนายกิจจา แต่ตำรวจ ชี้แจงว่า ยังไม่ถึงเวลาเข้าเยี่ยม จะต้องรอ 12.00 น. ก่อน จากนั้นนายกิจจา ได้ตะโกนมาที่ผู้สื่อข่าวที่ยืนอยู่ด้านหน้าห้องควบคุมผู้ต้องหา บอกว่าญาติของผู้ต้องหาคนอื่นก็มาเข้าเยี่ยมไม่ตรงกำหนดเวลาแต่ทำไมตำรวจถึงให้เข้าเยี่ยมได้ ทำไมกรณีของตนไม่สามารถทำได้


ผู้สื่อข่าวได้สอบถามข้อเท็จจริงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่า นายกิจจา มีลักษณะคลุ้มคลั่ง มักจะตะโกนเสียงดังตลอดเวลา จึงจำเป็นต้องแยกนายกิจจาและนายนรเศรษฐ์ออกจากกัน เพราะทั้งคู่มีปากเสียง เหมือนทะเลาะกัน นายกิจจา เข้าใจว่า นายนรเศรษฐ์ จะทำร้ายร่างกายด้วย ตำรวจเห็นท่าไม่ดี จึงตัดสินใจแยกทั้งคู่ออกจากกัน ซึ่งท่าทีของนายกิจจาที่อยู่ในห้องควบคุมผู้ต้องหา ได้กระโดดไปมาอยู่ในห้อง ปีนลูกกรง โบกไม้โบกมือ และตะโกนคลุ้มคลั่งตลอดเวลา ตำรวจจึงได้สังเกตอาการอย่างใกล้ชิดผ่านกล้องวงจรปิด.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

ล้มล้างการปกครอง

ศาล รธน.มีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้อง “ทักษิณ-พท.” ล้มล้างการปกครอง

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ขอให้ศาลวินิจฉัยว่า “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ล้มล้างการปกครอง

คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญถกคำร้อง “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างฯ

จับตา ศาลรัฐธรรมนูญ “รับ/ไม่รับ” คำร้องปม “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองหรือไม่

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ