fbpx

บจ. mai ไตรมาส 1/67 กำไรสุทธิ 4,607 ล้านบาท

กรุงเทพฯ 27 พ.ค. – ตลท.เผย บจ. mai รายงานผลการดำเนินงาน ไตรมาส 1/2567 ยอดขายรวม 54,030 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.2% กำไรสุทธิ 4,607 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 76.2%
 
บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2567 มียอดขายรวม 54,030 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.2% ต้นทุนขาย และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น 6.7% และ 6.4% ตามลำดับเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ บจ. มีความสามารถในการทำกำไรในไตรมาสที่ 1 ปี 2567 ดีขึ้น
 
นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียนใน mai จำนวน 211บริษัท คิดเป็น 96% จากทั้งหมด 220 บริษัท (ไม่รวมบริษัทในกลุ่มที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน หรือ NC และบริษัทที่ปิดงบไม่ตรงงวด) นำส่งผลการดำเนินงาน โดยไตรมาส 1 ปี 2567 พบ บจ. รายงานกำไรสุทธิจำนวน 157 บริษัท คิดเป็น 73% ของบริษัทที่นำส่งงบการเงินทั้งหมด
 
ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2567 ของ บจ. mai เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มียอดขายรวม 54,030 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.2% มีต้นทุนขาย 39,077 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.7% ส่งผลให้มีกำไรขั้นต้น (GP) เพิ่มขึ้น 16.3% และมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น 6.4% ส่งผลให้มีกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 5,259 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.2% และมีกำไรสุทธิ 4,607 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 76.2%อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานสำหรับงวดไตรมาสที่ 1 ปี 2567 ดังกล่าวเป็นผลจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนบางแห่งที่มีผลประกอบการที่โดดเด่น และการมีรายการกำไรจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์ทางการเงินและสินทรัพย์ดิจิทัล
 
“บจ.ใน mai โดยภาพรวมมียอดขายเติบโตขึ้น มีความพยายามควบคุมต้นทุน และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ทำให้ภาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2567 ของ บจ. mai มีผลประกอบการที่ดีขึ้น โดยมีกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มธุรกิจการเงิน กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง กลุ่มทรัพยากร และกลุ่มบริการ ที่มียอดขาย กำไรจากการดำเนินงาน และกำไรสุทธิเติบโต” นายประพันธ์ กล่าว 
 
ในส่วนของฐานะทางการเงิน บจ. mai มีสินทรัพย์รวม346,672 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากสิ้นปี มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E ratio) อยู่ที่ 0.78 เท่า ลดลงจากสิ้นปี 2566 ที่เท่ากับ 0.80 เท่า
 
ปัจจุบันมี บจ.ใน mai 221 บริษัท (ข้อมูล ณ วันที่ 24พฤษภาคม 2567) ดัชนี mai ปิดที่ระดับ 382.05 จุด มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (market capitalization) อยู่ที่ 389,014 ล้านบาท มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย 1,860ล้านบาทต่อวัน.-516-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นายกตรวจน้ำท่วมเชียงราย

นายกฯ บินเชียงราย ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม

“นายกฯ แพทองธาร” ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม เตรียมมอบถุงยังชีพแก่ผู้ประสบภัยในพื้นที่ จ.เชียงราย พร้อมตรวจเยี่ยมการลำเลียงสิ่งของช่วยเหลือของกองทัพ

ชิงทองระนอง68บาท

รวบแล้วโจรชิงทอง 68 บาท กลางห้างดังระนอง

รวบแล้ว 2 คนร้ายชายหญิง จี้ชิงทอง 68 บาท ในห้างดังกลางเมืองระนอง ฝ่ายชายรับสารภาพ ชีวิตตกต่ำ ไม่มีรายได้ จึงชวนหลานสาววัย 16 ปี มาร่วมก่อเหตุชิงทอง

น้องชายรัวยิงพี่สาวตายกลางงานศพแม่ อ้างฉุนไม่ให้ร่วมจัดงานศพ

น้องชายชักปืนรัวยิงพี่สาวเสียชีวิตกลางงานศพแม่ ภายหลังน้องชายเข้ามอบตัวกับตำรวจ อ้างเหตุผลฆ่าเพราะโมโห รู้สึกว่าพี่สาวใจดำมากที่กีดกันไม่ให้ตนช่วยจัดงานศพแม่

บุกทลายโรงงานผลิตยาเถื่อน ย่านทุ่งครุ

เจ้าหน้าที่ อย. ร่วมสืบนครบาล บุกทลายโรงงานผลิตยาเถื่อน ย่านทุ่งครุ มีเบาะแสต้นตอการทะลักของยาเขียวเหลือง ตะลึงพบซากจิ้งจกตายในหม้อต้ม ขณะที่เจ้าของโรงงานยันประกอบอาชีพโดยสุจริต

ข่าวแนะนำ

ชายแดนแม่สายยังเละจมโคลน จับตาพายุลูกใหม่

แม้จะผ่านน้ำท่วมใหญ่ในรอบร้อยปีมาหลายวันแล้ว แต่ตอนนี้ชายแดนแม่สายยังเต็มไปด้วยความเสียหายและดินโคลนจำนวนมาก ชาวบ้านหลายคนยังไม่สมารถกลับเข้าบ้านได้

นายกฯ ตรวจความพร้อมการจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค

นายกฯ ตรวจความพร้อมการจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค การซ้อมเป็นรูปขบวนเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา ครั้งที่ 7 ณ โรงเรือพระราชพิธี ท่าวาสุกรี และวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ขณะที่ “เจ้าอาวาสวัดอรุณฯ” ให้กำลังใจทำหน้าที่ได้เต็มที่-ประสบความสำเร็จ

พายุโซนร้อน “ซูลิก” ทำฝนตกหนัก 76 จังหวัด 19-23 ก.ย.

พายุดีเปรสชันบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบนทวีกำลังขึ้นเป็นพายุโซนร้อน “ซูลิก” แล้ว คาดขึ้นฝั่งเวียดนามคืนนี้ หัวพายุส่งผลให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกมีฝนแล้ว ช่วงระหว่างวันที่ 19-23 ก.ย.67 มีพื้นที่เสี่ยงฝนตกหนักถึงหนักมาก 76 จังหวัด