เร่งกระตุ้น GDP ดึงทัพนักธุรกิจจีน 140 ราย ลงทุนไทยเพิ่ม

กรุงเทพฯ 27 พ.ค.- “ภูมิธรรม” ใช้เวทีประชุม RCEP Business Opportunities Matchmaking (จีน-ไทย) สนับสนุนทุกด้านเพื่ออำนวยความสะดวกการค้าและการลงทุนจากจีนเต็มที หวังกระตุ้น GDP ดึงทัพนักธุรกิจจีน 140 ราย ลงทุนไทย หนุน BOI ใช้ข้อตกลงฯ RCEP ให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้า บริการ โลจิสติกส์ ขยายการส่งออก


นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุม RCEP Business Opportunities Matchmaking (จีน-ไทย) ที่โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ เพื่อเชิญชวนนักธุรกิจที่มีศักยภาพจีนกว่า 140 ราย ใน 10 สาขาเศรษฐกิจ จาก 60 สมาคมมาลงทุนในไทย ใช้ประโยชน์จากข้อตกลงเขตการค้าเสรี RCEP (ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค) เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ GDP ประเทศ ซึ่งรัฐบาลไทยพร้อมสนับสนุนและอำนวยความสะดวกภาคเอกชน

ทั้งนี้ ไทยกับจีนความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันในปีหน้า(2568) จะครบรอบ 50 ปี หุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ไทย-จีน ซึ่งจีนถือเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทยมาตลอด 12 ปีที่ผ่านมา การค้าสองฝ่ายมีมูลค่าสูงถึง 105,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นร้อยละ 18 ของมูลค่าการค้าทั้งหมดของไทย ซึ่งเติบโตอย่างต่อเนื่องจากความตกลง FTA โดยเฉพาะ RCEP ซึ่งจีนเป็นหัวหอกขับเคลื่อนที่สำคัญและ RCEP เป็น FTA ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และไทย-จีน ยังเป็นสมาชิกภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน (ACFTA) ที่อยู่ระหว่างการยกระดับให้ทันสมัย


อย่างไรก็ตาม คาดหวังว่าไทย-จีน จะขยายโอกาสทางการค้าทั้งสินค้า บริการและการลงทุนระหว่างกัน ผ่านความตกลง RCEP อย่างต่อเนื่อง ช่วยให้ผู้ประกอบการมีวัตถุดิบที่หลากหลาย ส่งเสริมการประกอบธุรกิจ ขยายเครือข่ายภาคการผลิต และกระจายสินค้าในภูมิภาค เชื่อมโยงสู่ห่วงโซ่คุณค่าโลกผ่านการใช้สิทธิพิเศษผ่านข้อตกลงดังกล่าว โดยได้ประสานงานกับ BOI และรับผิดชอบ EEC และกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งรัฐบาลพร้อมสนับสนุนภาคเอกชนจีนใช้ประโยชน์จากข้อตกลง RCEP ซึ่งจะนำไปสู่การขยายมูลค่าการค้า และ GDP ของภูมิภาค RCEP ให้เติบโตขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะการตั้งฐานการผลิตในไทย ในสาขาอุตสาหกรรมต่างๆโดยเฉพาะอุตสาหกรรม S-Curve ที่เป็นเป้าหมายในการต่อยอดอุตสาหกรรมไทยให้มีศักยภาพมากขึ้นในอนาคต

ทั้งนี้ ปัจจุบันกระทรวงพาณิชย์สร้างเครือข่ายทางธุรกิจระหว่างเอกชนสองฝ่าย โดยทำงานลงลึกในพื้นที่เป็นรายภูมิภาค/มณฑล ที่ผ่านมาได้ MOU กับรัฐบาลท้องถิ่นจีนแล้ว 4 ฉบับ ได้แก่ มณฑลไห่หนาน มณฑลกานซู มณฑลเซินเจิ้ล และมณฑลยูนนาน และมีแผนที่จะจัดทำเพิ่มอีก 8 ฉบับ ได้แก่ ฝูเจี้ยน เฮยหลงเจียง ซานซี เจ้อเจียง เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง เหอเป่ย ซานตง และจี๋หลิน จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ประกอบการทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะ SME เพิ่มมูลค่าการค้า การลงทุนระหว่างกัน ซึ่งไทยสามารถเป็นประตูสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียตะวันออกและเอเชียกลาง กระจายสินค้าได้ทั่วโลก มีความพร้อมทั้งโลจิสติกส์ แรงงาน บริการ รัฐบาลไทยพร้อมสนับสนุน ท่านนายกฯสั่งการให้รัฐมนตรีทุกคนแก้ไขปรับกฎระเบียบส่งเสริมเอกชน และทุกหน่วยงานพร้อมเอื้อการลงทุนให้สะดวกและได้รับสิทธิประโยชน์จาก BOI EEC และฟรีวีซ่า และด้านอื่นๆอีกมากมาย ในการเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ร่วมกัน

“ทุกวันนี้โลกเปลี่ยนแปลงไปมาก และเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ระเบียบการค้าโลกใหม่ต้องปรับให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง เน้นเศรษฐกิจสีเขียวที่ทุกภาคอุตสาหกรรมต้องปรับเปลี่ยน ขอสนับสนุนให้ภาคเอกชนจัดตั้งสำนักงานภูมิภาคเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะบริษัทที่มีฐานการผลิตในไทยและอาเซียน รวมทั้งกลุ่มธุรกิจบริการต่างๆ ให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย โดยไม่เพียงแต่จะสามารถ ใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของไทยในหลายๆ ด้าน เช่น ความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน บุคลากรที่มีคุณภาพ ต้นทุนทางธุรกิจที่เหมาะสม ประเทศไทยยังมีปัจจัยที่สนับสนุนการอยู่อาศัยและใช้ชีวิตสำหรับกลุ่มคนทำงานด้วยเช่น ความพร้อมด้านสิ่งอำนวยความสะดวกระบบรักษาพยาบาล โรงเรียน แหล่งท่องเที่ยวต่างๆ เป็นต้น ”นายภูมิธรรมกล่าว


ผู้สื่อข่าวระบุว่า ภายในงานมีนายพินิจ จารุสมบัติ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ประธานสภาวัฒนธรรมไทย-จีน และส่งเสริมความสัมพันธ์ นายอู๋ จื้ออู่ อัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย Mr.Xu Ningning, Chairman of RCEP Industry Cooperation Committee (RICC) นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา นางสาวโชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ผู้บริหารภาครัฐและภาคเอกชนของไทยและจีน นักธุรกิจจากทั่วประเทศจีน มากกว่า 140 คน ใน 10 สาขาเศรษฐกิจ จาก 60 สมาคม และนักธุรกิจไทยกว่า 300 คนร่วมด้วย ซึ่งการค้ารวมของไทยกับกลุ่มประเทศ RCEP ในปี 2023 มีมูลค่ารวมถึง 3.12 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นร้อยละ 54.41 ของการค้ารวมของไทยกับโลก โดยไทยส่งออกไปยังกลุ่มประเทศ RCEP มูลค่ากว่า 1.45 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยปัจจุบันไทยมีความตกลง FTA แล้ว 14 ฉบับกับ 18 ประเทศซึ่งรวมความตกลง RCEP โดยอยู่ระหว่างการพิจารณากระบวนการรับสมาชิกใหม่ ซึ่งขณะนี้มีประเทศ/เขตศุลกากรอิสระ แสดงความจำนงเข้าร่วมความตกลงฯ ได้แก่ ฮ่องกงและศรีลังกา และอยู่ระหว่างจัดตั้งหน่วยงานความตกลง RCEP(RCEP Supporting Unit: RSU) โดยมีเป้าหมายให้เริ่มปฏิบัติงานได้ภายในภายในปี 2024เป็นต้น.-514-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผ่าไชน่า เรลเวย์ คว้า 3 โครงการรัฐในภูเก็ต

เหตุการณ์ตึก สตง.ถล่ม กลายเป็นปฐมบทในการปูพรมตรวจสอบบริษัท ไชน่า เรลเวย์ หลังพบเป็นผู้ชนะการประมูลโครงการก่อสร้างตึก สตง. และโครงการรัฐหลายแห่งทั่วประเทศ ล่าสุดที่ จ.ภูเก็ต ตรวจพบ 3 โครงการ และหนึ่งในนั้นกำลังมีปัญหาก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน

มหาสงครามโลก

นักวิชาการชี้ “มหาสงครามโลกครั้งที่ 3” เกิดแน่ถ้าโลกยังตึงเครียด

นักวิชาการด้านความมั่นคงและการต่างประเทศระดับแนวหน้าของไทย มีความเห็นตรงกันว่า หากผู้นำชาติมหาอำนาจไม่เร่งลดระดับความตึงเครียดสถานการณ์โลก

กู้ภัยนานาชาติ เครือข่าย USAR ถอนกำลังแล้ว

กู้ภัยนานาชาติ เครือข่าย USAR ถอนกำลังแล้ว หลังอยู่ปฏิบัติภารกิจค้นหา-กู้ชีพ สนับสนุนกู้ภัยไทย เหตุตึก สตง.ถล่ม กว่า 1 สัปดาห์

ธรรมชาติใต้ดินเปลี่ยนไป หลังแผ่นดินไหว 1 สัปดาห์

แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่งแรงสั่นสะเทือนในหลายพื้นที่ของภาคเหนือ แม้บนพื้นผิวดินจะไม่ได้สร้างความเสียหายมากนัก แต่พบความเปลี่ยนแปลงสภาพใต้ดินจนเกิดปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งหลุมยุบขนาดใหญ่ น้ำพุร้อนที่เคยพุ่งจากใต้ดินหายไป แต่น้ำตกที่แห้งในหน้าแล้งกลับมีน้ำไหลออกมา ซึ่งนักธรณีวิทยายืนยันเป็นผลพวงจากแผ่นดินไหวครั้งนี้

ข่าวแนะนำ

“ไฮโซกำมะลอ” กระโดดชั้น 3 สน.โคกคราม

“ไฮโซเก๊” โลก 2 ใบ เครียดปีนตึก หลังถูก “คะน้า” ดาราสาว ออกมาแฉกลางรายการดัง จนตำรวจต้องเข้าเกลี้ยกล่อมพาไปโรงพัก แต่ยังวิ่งหนีการควบคุม กระโดดลงมาจากชั้น 3 สน.โครกคราม บาดเจ็บ

วันที่ 11 ปฏิบัติการกู้ซากตึก สตง. ถล่ม

วันที่ 11 ของปฏิบัติการกู้ซากตึก สตง. พังถล่ม เจ้าหน้าที่เดินหน้าใช้เครื่องจักรหนักเข้า เคลียร์ซากต่อเนื่อง โดยเฉพาะโซนบี และซี ที่คาดว่าเป็นจุดที่มีผู้ติดค้างอยู่จำนวนมาก

ชุดค้นหาลงโพรงโซน B, C ลึก 5-6 เมตร ได้กลิ่นแรง ไม่พบผู้สูญหาย

“กู้ภัย” เผยเจาะโพรงพื้นที่โซน B และ C ได้แล้ว พร้อมส่งชุดค้นหาลงโพรงไปตรวจสอบลึก 5-6 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหายเพิ่ม แต่ได้กลิ่นแรง เร่งเดินหน้าเครื่องจักรหนักเคลียร์ซากต่อเนื่อง ยันจะช่วยเหลือจนกว่านำร่างสุดท้ายออกมาครบ