กรุงเทพฯ 28 ม.ค. – ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (WHA Group) มองทรัมป์ 2.0 เป็นโอกาส และเป็นปัจจัยเร่งอุตสาหกรรมย้านฐานมาไทย ล่าสุดเปิดตัวธุรกิจ WHA Mobility ตั้งเป้ารายได้รวม 5 ปี ทะลุ 150,000 ล้านบาท อัดงบลงทุน 5 ปี (2568-2572) กว่า 119,000 ล้านบาท ขณะที่ปี 2567 มีรายได้รวม และส่วนแบ่งกำไรของกลุ่มบริษัทฯ 14,400 ล้านบาท EBITDA มากกว่า 55%
นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปี 2568 ถือเป็นปีแห่งการลงทุนขยายธุรกิจที่สำคัญของ WHA Group ซึ่งบริษัทยังมุ่งเน้นการเติบโตอย่างแข็งแกร่งใน 5 กลุ่มธุรกิจหลัก ซึ่งรวมถึงธุรกิจล่าสุด WHA Mobility ซึ่งบริษัทตั้งเป้าปี 2568 จะสามารถสร้างรายได้และส่วนแบ่งกำไรกว่า 20,000 ล้านบาท และคงอัตรากำไร EBITDA Margin มากกว่า 45% ตั้งเป้าหมายรายได้รวม 5 ปีที่ 150,000 ล้านบาท โดยวางกลยุทธ์หลักในการขยายความเป็นผู้นำในการพัฒนาธุรกิจโลจิสติกส์ โซลูชันกรีนโลจิสติกส์ครบวงจร นิคมอุตสาหกรรม สาธารณูปโภคและพลังงาน และดิจิทัลโซลูชัน ด้วยการส่งเสริมนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ครบวงจร ก้าวสู่การเป็นการเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี (Tech-Driven Organization) ตลอดจนการนำศักยภาพขององค์กรไปสร้างการเติบโตในภูมิภาคอาเซียน และเดินหน้าสู่การเป็นองค์กรสมรรถนะสูงทุกมิติ (High Performance Organization) สอดคล้องกับพันธกิจ “WHA: We Shape the Future”
ส่วนในปี 2568 WHA Group คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้และส่วนแบ่งกำไรกว่า 20,000 ล้านบาท และคงอัตรากำไร EBITDA Margin มากกว่า 45% สำหรับแผนการดำเนินงานใน 5 ปี (2568-2572) WHA Group เตรียมความพร้อมเพื่อการขยายและสร้างความยั่งยืนทางธุรกิจในระยะยาว ด้วยการอัดงบลงทุนกว่า 119,000 ล้านบาท วางแผนสร้างรายได้ให้เติบโตประมาณ 2.9 เท่าจากปี 2567 และมีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนน้อยกว่า 1.2 เท่า
อย่างไรก็ดี จากปัจจัยหนุนด้านภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitical) ที่อาจจะยิ่งทวีความเข้มข้น หลังจากการกลับมาของประธานาธิปดีทรัมป์ที่อาจจะช่วยสร้างโอกาสการลงทุนให้เกิดขึ้นในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะประเทศไทยด้วยพื้นที่ตั้งที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ การเป็นศูนย์รวม Supply Chain ที่ครบวงจร ความพร้อมของระบบสาธารณูปโภค ความมั่นคงทางด้านพลังงาน รวมถึงพลังงานหมุนเวียน แรงงานที่มีคุณภาพ นโยบายการส่งเสริมจากภาครัฐ ที่เอื้อประโยชน์ต่อนักลงทุนในภาคอุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สินค้าอุปโภคบริโภค อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมดาต้าเซนเตอร์ สมาร์ทอิเล็กทรอนิกส์ คลาวด์เซอร์วิส ซึ่ง WHA Group มีระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ครบวงจรที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีความพร้อมในการรองรับการลงทุน อีกทั้ง บริษัทฯ ยังต่อยอดสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม และประโยชน์ต่อลูกค้า คู่ค้า นักลงทุน และมีผู้ส่วนได้เสียทุกฝ่าย
“มั่นใจว่านโยบายทรัมป์ 2.0 จะส่งผลให้กลุ่มอุตสาหกรรมหลั่งไหลจากจีนเข้ามาตั้งฐานผลิตในไทยเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเราเป็นศูนย์กลาง และมีความพร้อมโครงสร้างพื้นฐาน ที่ผ่านมาได้เห็นนักลุงทุนจีนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ตัวเลขขอบีโอไอทะล 1.1 แสนล้านบาท โดยกลุ่มนักลงทุนจีนที่เข้ามาส่วนมากเป็นยานยนต์ไฟฟ้า และเครื่องใช้ไฟฟ้า กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ และปีนี้มีอีกหลายรายจะเข้ามา บางรายต้องการที่ดิน 400 ไร่ บางราย 500 ไร่ โดยที่คุยอยู่ตอนนี้น่าจะมีเป็น 100 ราย ส่วนราคาที่ดินจะมีการปรับเพิ่ม 20-30% ในช่วงกลางปี แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับเขตพื้นที่ว่าจะปรับขึ้นมากน้อยขนาดไหน หรือเป็นที่ดินที่เราซื้อเพิ่มก็อาจจะต้องปรับเพิ่มมากหน่อย” น.ส.จรีพร กล่าว
สำหรับปี 2568 WHA Group ยังคงดำเนินงานตาม 4 กลยุทธ์สำคัญ ประกอบด้วย Extend Leadership เร่งขยายธุรกิจต่อเนื่องทั้งในประเทศและตลาดภูมิภาค Embrace Innovation and Technology นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาสร้างสรรค์ธุรกิจใหม่ๆ ที่เป็น New S-Curve ให้กับองค์กร Enhance the Prominence on Green and Sustainability มุ่งมั่นที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593 และใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า เพื่อสร้างคุณค่าให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อม และ Build High Performance Organization ด้วยการพัฒนา ยกระดับองค์กรในทุกด้านให้เป็นองค์กรสมรรถนะสูง
- ธุรกิจโลจิสติกส์: ปี 2568 บริษัทฯ วางกลยุทธ์ในการขยายการเติบโตทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศเวียดนาม ในประเทศไทย บริษัทฯ มุ่งขยายพื้นที่ให้ครอบคลุมทำเลยุทธศาสตร์ทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล พื้นที่ EEC และเมืองรอง โดยมีแผนขยายโครงการสำคัญในทำเลศักยภาพ รวมพื้นที่กว่า 380,000 ตารางเมตร สำหรับประเทศเวียดนาม เน้นรองรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตสูง เช่น อีคอมเมิร์ซ สินค้าอุปโภคบริโภค และสินค้าอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออก ซึ่งในเดือน มกราคม 2568 บริษัทฯ ได้ลงนามบันทึกข้อตกลง (MoU) กับรัฐบาลท้องถิ่นประจำจังหวัดทัญฮว้า (Thanh Hoa) เพื่อศึกษาการพัฒนาโครงการโลจิสติกส์ในพื้นที่ 300 ไร่ ที่ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้กับตัวเมืองหลักของจังหวัดและโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ
- ธุรกิจโมบิลิตี้ (Mobility) โซลูชันกรีนโลจิสติกส์ครบวงจรรายแรกในประเทศไทย ภายใต้แบรนด์ Mobilix ซึ่งได้เปิดตัวในปี 2567 ประกอบด้วย 3 บริการหลัก คือ บริการให้เช่ารถยนต์ไฟฟ้า (EV Rental Service) เป็นบริการให้เช่ารถยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจร สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (On Premise & Public EV Charging Solution) บริการเครื่องชาร์จและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคลและเชิงพาณิชย์ โมบิลิกส์ซอฟต์แวร์โซลูชัน (Mobilix Software Solution) แพลตฟอร์มดิจิทัลอัจฉริยะอันทันสมัยสำหรับจัดการรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่
โมบิลิกส์ตั้งเป้าให้บริการเช่ารถ EV จำนวนทั้งหมด 20,000 คัน ในอีก 5 ปีข้างหน้า ปี 2568 คาดว่าจะมีรถ EV ภายใต้การบริการเช่ารถมากกว่า 1,700 คัน
- ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม: ในปี 2567 บริษัทฯ มียอดขายที่ดินรวม 2,565 ไร่ แบ่งเป็นในประเทศไทย 2,453 ไร่ และประเทศเวียดนาม 112 ไร่ และมียอดโอนที่ดินรวม 2,070 ไร่ แบ่งเป็นในประเทศไทย 1,727 ไร่ และประเทศเวียดนาม 343 ไร่ โดยลูกค้ารายสำคัญคือ Google ได้ลงนามสัญญาซื้อขายที่ดินเพื่อสร้าง Data Center แห่งแรกในประเทศไทย และ Haier เพื่อสร้างโรงงานผลิตเครื่องปรับอากาศครบวงจรแห่งใหม่ โดย ณ สิ้นปี 2567 บริษัทฯ มีทั้งหมด 15 นิคมอุตสาหกรรม ตั้งอยู่ในประเทศไทย 14 แห่ง และประเทศเวียดนาม 1 แห่ง ทั้งนี้ บริษัทฯ มีพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมในประเทศไทยที่กำลังก่อสร้างและรอการพัฒนารวม 7 โครงการ บนพื้นที่ 8,810 ไร่ สำหรับโครงการในประเทศเวียดนามยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมี 2 โครงการ ขนาดพื้นที่รวม 2,297 ไร่ ที่ได้รับการอนุมัติใบอนุญาตลงทุน (Investment Registration Certificate, IRC) เรียบร้อยแล้ว และ 1 โครงการ ขนาด 1,094 ไร่ อยู่ระหว่างการขออนุมัติใบอนุญาตลงทุน นอกจากนี้ในเดือนมกราคม 2568 บริษัทฯ ยังได้ลงนามบันทึกข้อตกลง (MoU) กับรัฐบาลท้องถิ่นประจำจังหวัดทัญฮว้า (Thanh Hoa) เพื่อพัฒนาเขตอุตสาหกรรม 2 แห่ง พื้นที่รวมประมาณ 4,000 ไร่
สำหรับปี 2568 บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายที่ดินรวม 2,350 ไร่ ทั้งในประเทศไทยและประเทศเวียดนาม เน้นการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง บริษัทฯ มุ่งมั่นพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศอัจฉริยะอย่างต่อเนื่อง และพร้อมเป็นพันธมิตรที่ให้บริการโซลูชันแบบครบวงจร
- ธุรกิจสาธารณูปโภค (น้ำ): บริษัทฯ มุ่งเน้นการขยายตัวตามการเติบโตของนิคมอุตสาหกรรม โดยการสร้างความมั่นคงด้านทรัพยากรน้ำในการหาแหล่งน้ำดิบอย่างต่อเนื่อง ขยายการผลิตน้ำที่มีมูลค่าเพิ่มพร้อมหาโอกาสใหม่ๆ ในการขยายธุรกิจในพื้นที่นอกนิคมอุตสาหกรรม WHA รวมไปถึงการเข้าร่วมโครงการสาธารณูปโภคน้ำประปาและน้ำเสียในพื้นที่ใหม่ๆ โดยมีเป้าหมายที่จะทำสัญญาซื้อ-ขายน้ำกับการประปาส่วนภูมิภาค ปริมาณสูงสุด 4.3 ล้านลูกบาศก์เมตร/ปี นอกจากนี้ยังคงเดินหน้าพัฒนา Smart Water Solutions เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการ ลดต้นทุน และลดน้ำสูญเสีย
โดยในปีนี้ ได้ตั้งเป้ายอดการจำหน่ายและบริหารจัดการน้ำรวมที่ประมาณ 173 ล้านลูกบาศก์เมตร แบ่งเป็นภายในประเทศประมาณ 132 ล้านลูกบาศก์เมตร และในเวียดนามประมาณ 41 ล้านลูกบาศก์เมตร บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นธุรกิจผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม โดยตั้งเป้าที่ประมาณ 10 ล้านลูกบาศก์เมตร
ธุรกิจไฟฟ้า: ในปี 2567 บริษัทฯ มีกำลังการผลิตไฟฟ้าสะสมที่ลงนามแล้ว 965 เมกะวัตต์ ซึ่งมาจากพลังงานสะอาดทั้งหมด 437 เมกะวัตต์ สำหรับปี 2568 บริษัทฯ จะเดินหน้าขยายการลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนทั้งในไทยและนอกประเทศ โดยในไทยมุ่งเน้นการลงทุนในโครงการโซลาร์รูฟท็อป โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in-Tariff และโครงการ Direct PPA สำหรับประเทศเวียดนาม บริษัทฯ ได้เริ่มดำเนินการศึกษาและพัฒนาโครงการไมโครกริด ที่นิคมเขตอุตสาหกรรม WHA Smart Technology Zone 1 ในจังหวัดทัญฮว้า (Thanh Hoa) เฟส 1 ซึ่งคาดว่าจะพร้อมให้บริการเชิงพาณิชย์ในปี 2569
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังดำเนินการพัฒนานวัตกรรมและโซลูชันพลังงานอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ แพลตฟอร์มการซื้อขายพลังงานไฟฟ้า (Peer-to-Peer Energy Trading) และการซื้อขายใบรับรองเครดิตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (I-REC) รวมทั้งศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนในธุรกิจ New S-Curve เช่น เทคโนโลยีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก (Small Modular Reactor: SMR) ระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (Battery Energy Storage System: BESS) และเทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture, Utilization and Storage : CCUS) เป็นต้น พร้อมตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าสะสมที่ลงนามแล้วเป็น 1,185 เมกะวัตต์ ซึ่งจะมาจากพลังงานหมุนเวียน 657 เมกะวัตต์
- ธุรกิจดิจิทัล: WHA Digital ยังคงเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มธุรกิจต่างๆ ใน WHA Group ผ่านการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม เช่น Artificial Intelligence, Internet-of-Thing โดยในปัจจุบันมีโครงการ AI Transformation ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาจำนวน 12 โครงการ ได้แก่ Drone Inspection Solution และ IoX Platform for Solar พร้อมหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ จากการพัฒนาแพลตฟอร์ม ได้แก่ โมบิลิกส์ แพลตฟอร์ม
WHA Group ให้ความสำคัญกับการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และการสร้างคุณค่าให้กับสังคม ด้วยความมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนภายในปี 2572 อย่างเป็นรูปธรรม ได้แก่ การส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า โดยตั้งเป้าหมายจำนวนรถยนต์ไฟฟ้าให้บริการประมาณ 20,000 คัน การเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียน โดยตั้งเป้าหมายมีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนประมาณ 1,200 เมกะวัตต์ ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 683,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี การลดการใช้น้ำจากธรรมชาติลงประมาณ 25,000,000 ลูกบาศก์เมตรต่อปี เทียบเท่ากับปริมาณการใช้น้ำของภาคครัวเรือนกว่า 685,000 คน และการจัดการขยะแบบ Zero Waste ที่จะไม่มีการฝังกลบหรือเผาทำลาย เพื่อขับเคลื่อนสู่อนาคตที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง. -517- สำนักข่าวไทย