กทม. 19 พ.ค. – ช่างสักรุ่นน้อง เข้าร้องเพจสายไหมต้องรอดให้ช่วยเร่งรัดคดีถูกรุ่นพี่ยกพวกมาทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บสาหัส เกรงจะไม่ได้รับความเป็นธรรม
นายวสันต์ อายุ 45 ปี ช่างสักชื่อดังหรือในวงการเรียกว่า “ช่างโอ๋ 69” พร้อมนายสกาย อายุ 33 ปี เพื่อนรุ่นน้อง เข้าพบนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เพื่อขอความช่วยเหลือกรณีถูกช่างสักรุ่นใหญ่พร้อมพวกรุมทำร้ายร่างกายที่งานประกวดรอยสัก ตลาดบางใหญ่ จ.นนทบุรี จนได้รับบาดเจ็บสาหัสกระดูกสันจมูกหัก แพทย์ลงความเห็นให้พักรักษาตัวนานกว่า 40 วัน
ช่างโอ๋ เล่าว่า ประกอบอาชีพช่างสักมากว่า 20 ปี มีลูกค้าทั้งคนไทยและชาวต่างชาติมาสักจำนวนมาก บางครั้ง ชาวต่างชาติจะจ้างไปสักให้ที่ต่างประเทศ โดยตนจะคอยติดต่อหางานให้พี่ๆ น้องๆ ช่างสัก เพื่อให้มีรายได้อยู่เสมอ จนเป็นที่รู้จักและเป็นที่รักของพี่น้องในวงการ ทำให้ช่างสักรุ่นพี่คนหนึ่งที่ไม่ชอบตน มองว่าตนทำเกินหน้าเกินตาจึงยกพวกมาก่อเหตุรุมทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ
โดยในวันดังกล่าวตนได้รับเชิญไปเป็นกรรมการตัดสินลายสักที่งานประกวดลายสัก ที่ตลาดบางใหญ่ จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 28 เมษายนที่ผ่านมา หลังตนตัดสินเสร็จจึงเดินมาที่รถเพื่อกลับไปดูลูกที่นอนป่วยอยู่โรงพยาบาล ระหว่างเดินมาขึ้นรถมีช่างสักรุ่นพี่ชื่อ “ช่างยิ่ง” อายุประมาณ 50 ปี พร้อมพวกอีก 5 คน เข้ามากระชากประตูรถ จากนั้นก็รุมทำร้ายตนจนได้รับบาดเจ็บสาหัสกระดูกสันจมูกหัก ก่อนที่ “ช่างยิ่ง” จะชักอาวุธปืนแก๊ป ขึ้นมาข่มขู่ห้ามไม่ให้ตนทำตัวโดดเด่น
นอกจากนี้ยังขู่ซ้ำว่า “มึงอย่าคิดไปแจ้งความ ถึงมึงแจ้งไปก็ไม่มีประโยชน์ กูรู้จักรุ่นใหญ่ใน จ.นนทบุรี ยังไงกูก็เคลียร์ได้หมด” ก่อนจะพากันหนีไป หลังเกิดเหตุตนได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ก่อเหตุให้ถึงที่สุด แต่จากคำขู่ของผู้ก่อเหตุ ทำให้เกรงกลัวว่าคดีจะไม่คืบหน้า จึงนำเรื่องที่เกิดขึ้นไปปรึกษากับกลุ่มเพื่อนๆ ในวงการช่างสักทุกคนเป็นห่วงและเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงแนะนำให้มาขอความช่วยเหลือกับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ดังกล่าว
ด้าน นายสกาย รุ่นน้องช่างสักที่มาด้วย และเป็นผู้เสียหายที่ถูก “ช่างยิ่ง” คุกคาม กล่าวว่า หลังเกิดเหตุกับพี่โอ๋ กลุ่มพี่ๆ น้องๆ ในวงการช่างสักต่างพากันมาให้กำลังใจ เมื่อนายยิ่ง รู้เรื่องว่าตนและพี่ๆ น้องๆ ในวงการมาให้กำลังใจ จึงอิจฉา ล่าสุดเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคมที่ผ่านมา ตนไปดูหนังที่ห้างแห่งหนึ่ง และเจอนายยิ่ง โดยบังเอิญ นายยิ่ง ได้เดินเข้ามาหาเรื่องพร้อมพูดว่า “มึงจะเอายังไง มึงมาคุย มึงเข้าข้างมันเหรอ” ตนจึงตอบไปว่า “ทุกคนเขาอยู่ข้างพี่โอ๋ กันหมดครับ ไม่มีใครเขาเข้าข้างคนพาลแบบคุณหรอก มันหมดยุคหมดสมัยแล้วที่จะมาใช้กำลังทำร้ายคนอื่น” ทำให้นายยิ่ง ไม่พอใจมาก ชักอาวุธมีดพับขึ้นมาขู่จะทำร้ายตน ตนจึงชี้ไปที่นายยิ่ง แล้วบอกไปว่า “อย่าใช้อาวุธ แน่จริงให้มาตัวต่อตัว” นายยิ่ง จึงโทรตามพวกและท้าทายให้ตนตามไปที่ลานจอดรถ แต่ตนไม่ไปเพราะรู้ว่า นายยิ่ง มีนิสัยชอบหมาหมู่ ตนเห็นว่าพฤติกรรมแบบนี้เป็นภัยสังคม พกอาวุธเข้ามาภายในห้าง จึงไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐานที่ สน.พหลโยธิน
ขณะที่นายเอกภพ กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นกับผู้เสียหายทั้ง 2 คน เป็นการกระทำที่ไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง ต้องดำเนินคดีอย่างเฉียบขาด เอาผิดในทุกข้อหา แม้ผู้ก่อเหตุจะอ้างว่ารู้จักกับคนใหญ่คนโตแค่ไหนก็ไม่สำคัญเพราะทุกคนอยู่ใต้กฎหมายเดียวกัน ทำผิดต้องถูกดำเนินคดีโดยไม่มีข้อยกเว้น ซึ่งตนขอให้ท่าน พ.ต.อ.ปิยวุฒิ แก้วมณี รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี รักษาราชการ ผกก.สภ.บางใหญ่ และ ท่าน พ.ต.อ.มารุต สุดหนองบัว ผกก.สน.พหลโยธิน กำชับพนักงานสอบสวนเร่งดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุในทุกข้อหา เพื่อไม่ให้เป็นภัยสังคมต่อไป
สำหรับกรณีทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 10,000-200,000 บาท .-สำนักข่าวไทย
