กรุงเทพฯ 25 เม.ย. – “อนันต์ชัย” ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม ลั่นให้โอกาสหน่วยงานรัฐตรวจสอบ “น้องไนซ์ เชื่อมจิต” ภายใน 15 วัน หากจัดการไม่ได้จ่อลุยร้องทุกข์แจ้งความที่กองปราบปราม
นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ และประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม เปิดเผยกรณีที่ “น้องไนซ์” เด็กชายวัย 8 ขวบ ที่อ้างตนว่าเป็นบุตรพระพุทธเจ้าสอนธรรมะด้วยการเชื่อมจิต หยั่งรู้เรื่องราวต่าง ๆ ว่า จากเดิมที่ให้เวลาสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ตรวจสอบกรณีดังกล่าว 3 วัน ล่าสุด นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สั่งการให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตรวจสอบกลุ่มเชื่อมจิตแล้วนั้น จึงให้โอกาสหน่วยงานของรัฐทำงานก่อน หากภายใน 15 วัน ไม่มีความคืบหน้า ทางกองทัพธรรมจะดำเนินการเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษที่กองปราบปราม ชี้ประเทศไทยเป็นพุทธนิกายเถรวาท บัญญัติอยู่ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 67 อำนาจหน้าที่ดูแลเป็นของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติโดยตรง ที่ต้องดูแลพระพุทธศาสนา การสอนธรรมโดยบิดเบือนพระไตรปิฎก ส่วนจะบอกว่าไม่มีผู้เสียหายแจ้งความดำเนินคดีไม่ได้นั้น นายอนันต์ชัย ชี้ว่า เนื่องจากรัฐเป็นผู้เสียหาย สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สามารถร้องทุกข์กล่าวโทษได้
นายอนันต์ชัย แนะนำควรให้เจ้าหน้าที่จากส่วนกลางของหน่วยงานต่าง ๆ ลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริง ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ในพื้นที่เนื่องจากที่ผ่านมาไม่พบความผิดใดๆ โดยส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องเด็ก พัฒนาการ ลงไปดูแล เนื่องจากเด็กมีลักษณะคล้ายเด็กพิเศษ รวมถึงนำผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องพระไตรปิฎกที่มีความเชี่ยวชาญลงไปสอบถามว่าการเชื่อมจิตอยู่ในพระไตรปิฎกบทไหน และที่อ้างว่าเป็นบุตรพระพุทธเจ้า บุญธรรมเจ้าแม่กวนอิม พญานาค อ้างพระสูตรบทไหนเป็นมาอย่างไร และที่สำคัญในการตรวจสอบควรแยกพ่อแม่ผู้ปกครองออกขณะสอบถามเด็ก โดยมีสหวิชาชีพร่วมอยู่ด้วย จะทำให้ได้ความจริงทุกเรื่อง นอกจากนี้ตำรวจกองปราบฯ, ปปง.ควรตรวจสอบเส้นทางการเงินขบวนการเชื่อมจิต ในเรื่องการรับบริจาค มีการเสียภาษีถูกต้องหรือไม่ ตาม พ.ร.บ.ควบคุมการเรี่ยไร
ส่วนพ่อแม่ผู้ปกครอง มองว่ามีพฤติการณ์เข้าข่ายผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ม.14 (1) นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่คอมพิวเตอร์, พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก และฉ้อโกงประชาชน รวมถึงผู้ร่วมขบวนการทั้งหมด. -416-สำนักข่าวไทย