ทำเนียบฯ 22 เม.ย.- นายกฯ ลงนามคำสั่ง สมช. ตั้ง “ปานปรีย์” เป็นประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ความไม่สงบในเมียนมา
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้ลงนามคำสั่ง สมช.ที่ 1/2567 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจบริหารสถานการณ์อันเนื่องมาจากความไม่สงบในเมียนมา โดยมีเนื้อหาในหนังสือคำสั่ง ว่า
โดยที่ปัจจุบันสถานการณ์ความไม่สงบในเมียนมามีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อไทยในหลายมิติ ทั้งด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาการโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติ การสู้รบตามแนวชายแดน และการค้าชายแดนหยุดชะงัก อันกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนและความมั่นคงแห่งชาติ เพื่อให้การขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล ทั้งในส่วนที่เกี่ยวกับการดำเนินการทางการทูต ความมั่นคง เศรษฐกิจ และการสื่อสารต่อสาธารณะ รวมถึงการบริหารสถานการณ์พื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งสามารถบรรลุเป้าหมายตามที่กำหนดไว้อย่างเป็นรูปธรรม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติสภาความมั่นคงแห่งชาติ พ.ศ. 2559 นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ จึงมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจบริหารสถานการณ์อันเนื่องมาจากความไม่สงบในเมียนมา โดยมีองค์ประกอบ หน้าที่และอำนาจ ดังนี้
1. นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานกรรมการ
2. นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ เป็นรองประธานกรรมการ
ส่วนกรรมการ ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงกลาโหม, ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ, ปลัดกระทรวงมหาดไทย, ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ, ผู้บัญชาการทหารสูงสุด, ผู้บัญชาการทหารบก, ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, อธิบดีกรมสารนิเทศ, อธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ, อธิบดีกรมเอเชียตะวันออก โดยมีเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นกรรมการและเลขานุการ รวมถึงให้ข้าราชการ สมช. ที่ได้รับมอบหมาย เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
สำหรับหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการชุดดังกล่าว ได้แก่ ให้ติดตาม ตรวจสอบ ประเมินและวิเคราะห์สถานการณ์ในภาพรวมที่เกี่ยวข้องกับเมียนมาที่อาจส่งผลกระทบต่อประเทศไทย ทั้งในมิติการต่างประเทศ มิติการค้าและเศรษฐกิจชายแดน มิติความมั่นคง รวมทั้งบทบาทและท่าทีของต่างประเทศ องค์การระหว่างประเทศ และองค์กรภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง
กลั่นกรอง ให้ความเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการกำหนดมาตรการ หรือแนวทางการบูรณาการและประสานงานของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการดำเนินการเพื่อปกป้องและรักษาผลประโยชน์แห่งชาติในการแก้ไขปัญหาและผลกระทบที่เกิดจากสถานการณ์ในเมียนมา โดยเฉพาะพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา รวมถึงการดำเนินการทางการทูตเชิงรุกที่จำเป็น เพื่อสนับสนุนให้เกิดสันติภาพในเมียนมา ให้สอดคล้องกับนโยบายด้านการต่างประเทศ นโยบายด้านเศรษฐกิจ นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ รวมทั้งยุทธศาสตร์หรือแผนที่เกี่ยวข้อง ต่อสภาความมั่นคงแห่งชาติ นายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรี แล้วแต่กรณี
อีกทั้งเร่งรัดและติดตามการขับเคลื่อนและการปฏิบัติงานของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ ในการปฏิบัติตามนโยบาย แนวทาง หรือมาตรการที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ นายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรี กำหนด, ดำเนินการประชาสัมพันธ์ ชี้แจงหรือเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับนโยบายของรัฐบาลในมิติต่าง ๆ เกี่ยวกับสถานการณ์เมียนมา ทั้งในส่วนการดำเนินการทางการทูต ความมั่นคง เศรษฐกิจ และการแก้ไขปัญหาพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา ให้ประชาชนรับทราบอย่างทันท่วงที รวมถึงรายงานผลการดำเนินงานต่อสภาความมั่นคงแห่งชาติ นายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรี ตามห้วงระยะเวลาที่เหมาะสม, แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ คณะทำงาน หรือมอบหมายเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม
ทั้งนี้ ดำเนินการอื่นใดตามที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ นายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรี มอบหมาย, ให้หน่วยงานของรัฐ ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ให้ความร่วมมือในการชี้แจงข้อมูล ส่งเอกสาร ตลอดจนดำเนินการอื่น ๆ ตามที่คณะกรรมการเฉพาะกิจบริหารสถานการณ์อันเนื่องมาจากความไม่สงบในเมียนมากำหนด และเบิกจ่ายเบี้ยประชุมหรือค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงานของคณะกรรมการเฉพาะกิจบริหารสถานการณ์อันเนื่องมาจากความไม่สงบในเมียนมา คณะอนุกรรมการ หรือคณะทำงานที่แต่งตั้งตามคำสั่งนี้ ให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. 2547 หรือตามระเบียบของทางราชการ แล้วแต่กรณี โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป.-316.-สำนักขาวไทย