กรุงเทพฯ 11 เม.ย.- รมช.คลัง มอบหมายให้ ธอส. ขยายวงเงินสินเชื่อบ้าน “Happy Home” เพิ่มอีก 1 หมื่นล้านบาท หลังเปิด 3 วัน ยอดจองกว่า 3,729 ราย
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง มอบนโยบายการบริหารงานให้กับผู้บริหารธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) โดยมี นายอัครุตม์ สนธยานนท์ ประธานกรรมการ พร้อมคณะกรรมการธนาคาร, นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธอส. รับฟังนโยบาย โดยเฉพาะโครงการสินเชื่อบ้าน Happy Home ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท คิดดอกเบี้ยคงที่ 5 ปีแรก เพียง 3.00% ต่อปี หลังเปิดให้ลูกค้ารับรหัสเข้าร่วมโครงการผ่าน App : GHB ALL GEN เพียง 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน 67 มีผูัสนใจจองสินเชื่อ 3,729 ราย วงเงินกว่า 10,000 ล้านบาท เมื่อประชาชนสนในจำนวนมาก จึงขอให้ ธอส.พิจารณาวงเงินเพิ่มเติม
นอกจากนี้ ยังขอให้ ธอส.ดูแลผู้สูงอายุ ผ่านโครงการต่างๆ เช่น โฮมสเตย์สำหรับผู้สูงอายุ เพื่อดูแลสังคม มองว่า ธอส.ยังมีฐานะมั่นคง เพราะกันสำรองเอาไว้สูงถึงร้อยละ 200 กรณี กนง.ยังคงดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 2.50 ได้พยายามให้แบงก์รัฐ ช่วยตรึงหรือลดดอกเบี้ย เพื่อช่วยเหลือรายย่อย สำหรับการแก้ปัญหาหนี้เสียของแบงก์รัฐ ขณะนี้ ธ.ออมสิน ได้เจรจากับภาคเอกชน ร่วมจัดตั้ง AMC บริหารหนี้เสีย หวังลดปัญหาหนี้ครัวเรือน ด้วยการรวมหนี้เสียของแบงก์รัฐ เข้ามาบริหารจัดการ คาดว่าสรุปและแถลงความชัดเจนได้หลังสงกรานต์ นี้
นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ รองรับไทยสู่ศูนย์กลางเมืองแห่งอุตสาหกรรมระดับโลก (Thailand Vision) ของนายกรัฐมนตรี “โครงการสินเชื่อบ้าน Happy Home” วงเงิน 20,000 ล้านบาท ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท คิดดอกเบี้ย คงที่ 5 ปีแรก เท่ากับ 3% ต่อปี นับว่าตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด ทั้งในส่วนของดอกเบี้ยต่ำในช่วง 5 ปีแรก และยังสามารถเลือกซื้อหรือปลูกสร้างที่อยู่อาศัยได้ตามความต้องการมากขึ้น จากวงเงินขอสินเชื่อถึง 3 ล้านบาท จึงเตรียมเสนอบอร์ด ธอส.พิจารณาวงเงินเพิ่มเติมอีก 10,000 ล้านบาท เพิ่มเป็น 30,000 ล้านบาท
นายกมลภพ กล่าวเพิ่มเติมว่า นโยบายรัฐบาลหลายมาตรการ กระตุ้นภาคอสังหาฯในช่วงนี้ ทำให้มีวงเงินปล่อยสินเชื่อประมาณ 70,000 ล้านบาท โดยช่วงไตรมาสแรกอนุมัติสินเชื่อแล้ว 32,000 ล้านบาท ส่วนยอดหนี้ NPL ยอมรับว่าสูงในระดับร้อยละ 4.8 เนื่องจากโคงการแก้ปัญหาหนี้ยั่งยืนของ ธปท. ครบกำหนดในสิ้นปี 66 ที่ผ่านมา ธอส. จึงเดินหน้าดูแล ติดตามลูกหนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้หนี้เสียพุ่งขึ้นจากเดิม และต้องหาทางให้ยอดหนี้เสียลดลง ถึงแม้ว่า กนง. ยังคงดอกเบี้ยนโยบาย มองว่ายังไม่กระทบต่อยอดชำระหนี้ของลูกค้ามากนัก เพราะได้มีมาตรการบรรเทาให้กับลูกหนี้หลายด้าน โดยเฉพาะการให้เข้ามาปรับลดภาระดอกเบี้ย คาดว่ายอดหนี้ NPL จะลดลงเหลือร้อยละ 3.8 ในสิ้นปี 67. -515-สำนักข่าวไทย