เชียงใหม่ 11 เม.ย. – รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่เชียงใหม่ ขึ้นบินทำฝนหลวงตามศาสตร์พระราชา เพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชนและนักท่องเที่ยว เล่นน้ำในเทศกาลสงกรานต์อย่างมั่นใจ ไร้ฝุ่นพิษ
นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อติดตามการปฏิบัติการฝนหลวงช่วยบรรเทาปัญหาหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็กที่เกินค่ามาตรฐาน ณ หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ รายงานสถานการณ์ฝุ่นพิษ หรือฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ที่ติดอันดับโลกและส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ ที่ค่าฝุ่นส่วนใหญ่เกินค่ามาตรฐานส่งผลกระทบต่อสุขภาพ (สีแดง) ในขณะที่นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร รายงานว่าประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ช่วงระหว่างวันที่ 12-15 เมษายน 2567 ทำให้มีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นในระยะแรก มีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง ทำให้มีความชื้นสัมพัทธและเหมาะต่อการขึ้นบินทำฝนหลวงวางแผนในเดือนเมษายน 2567 โดยจะเพิ่มขีดความสามารถในการปฏิบัติการฝนหลวง รวมถึงใช้เทคนิคดัดแปรสภาพอากาศในการบรรเทาปัญหาหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 โดยเพิ่มเครื่องบินมาปฏิบัติการที่หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง เชียงใหม่ จากเดิม 3 ลำ เป็น 8 ลำ และปรับแผนการบินปฏิบัติการให้มีความถี่มากขึ้น โดยมีเป้าหมายบินปฏิบัติการรวม 100 เที่ยวบิน ในช่วงวันที่ 10-20 เมษายน 2567 เพื่อให้สามารถช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาให้ประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับความเดือดร้อนได้อย่างทันท่วงที
จากนั้นนายไชยา ให้ว่า ตามที่นายกรัฐมนตรี สั่งการให้ดูแลพื้นที่ท่องเที่ยวเพิ่มความมั่นใจช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือและเชียงใหม่ที่มีค่าฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน วันนี้จึงได้ขึ้นปฏิบัติการบินทำฝนหลวงด้วยตนเอง ซึ่งก่อนนี้เคยขึ้นมาแล้ว 2-3 ครั้ง ซึ่งตนมีความมั่นใจว่า การขึ้นบินทำฝนหลวง ที่ใช้ศาสตร์พระราชา จะสามารถทำให้เกิดฝนตกและบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองจังหวัดเชียงใหม่ให้ดีขึ้นได้ เพื่อต้อนรับเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ จึงขอให้ประชาชนหรือนักท่องเที่ยวมีความมั่นใจว่าสถานการณ์ฝุ่นพิษจะดีขึ้น หลังทำฝนหลวงแน่นอน เพื่อเป็นการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวให้เม็ดเงินใหลเข้ามาในประเทศ และเป็นการกระตุ้นภาคเศรษฐกิจอีกด้วย ซึ่งหลังจากช่วงเทศกาลสงกรานต์ผ่านพ้นไป กรมฝนหลวงก็จะยังคงทำต่อเนื่องเพื่อให้ประชาชนชาวเชียงใหม่มีอากาศที่บริสุทธิ์ แต่อย่างไรก็ตามกรมฝนหลวงฯเป็นเพียงหน่วยงานหนึ่งที่ปิดทองหลังพระ ซึ่งยังต้องได้รับความร่วมมือจากอีกหลายหน่วยงาน รวมถึงผู้ว่าราชการที่ยังต้องทำงานประสานกับทุกหน่วย
สำหรับแผนปฏิบัติงานช่วงวันที่ 11-20 เมษายน 2567 ได้แก่ 1. ปฏิบัติการบรรเทาปัญหาหมอกควัน PM2.5 โดยการก่อเมฆ-เลี้ยงเมฆ รวมถึงการใช้น้ำแข็งแห้งและสเปรย์น้ำปรับลดอุณหภูมิ บริเวณพื้นที่ที่ค่าคุณภาพอากาศเกินมาตรฐานและมีแนวโน้มการสะสมฝุ่นควันสูง 2. ปฏิบัติการฝนหลวง เพื่อให้เกิดฝนในพื้นที่ป่าไม้ เพื่อสร้างความชุ่มชื้นให้กับพื้นที่ ลดการเกิดไฟป่า 3. ปฏิบัติการบรรเทาการเกิดพายุลูกเห็บ โดยมีโอกาสในการปฏิบัติการสูงในช่วง 9 -15 เมษายน 2567 โดยผลปฏิบัติการบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก ช่วงระหว่างวันที่ 8 มกราคม – 10 เมษายน 2567 ปฏิบัติการจำนวน 79 วัน 282 เที่ยวบิน ในบริเวณ 15 จังหวัด ได้แก่ จ.ลำปาง จ.ลำพูน จ.เชียงใหม่ จ.พะเยา จ.แม่ฮ่องสอน จ.แพร่ จ.น่าน จ.สุโขทัย จ.เชียงราย จ.อุตรดิตถ์ จ.ตาก จ.พิษณุโลก จ.กำแพงเพชร จ.เพชรบูรณ์ และ จ.พิจิตร ซึ่งพบว่าหลังปฏิบัติการส่งผลให้บริเวณพื้นที่ที่ปฏิบัติการค่าฝุ่นลดลง โดยในช่วงเช้าของวันนี้พบว่า มีปริมาณฝุ่นละอองอยู่ในระดับปานกลาง ตรวจวัดได้ 34.7 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร (ข้อมูลจาก IQ Air ณ วันที่ 11 เมษายน 2567 เวลา 08.00 น.).-719-สำนักข่าวไทย