ดีเอสไอ 2 เม.ย. – สส.พรรคท้องที่ไทย พร้อมผู้ประกอบการคลังสินค้ารับฝากข้าวฯ ร้องดีเอสไอสอบกระบวนการตรวจข้าวในโครงการรับจำนำข้าว ไม่เป็นธรรม ทำให้ถูกฟ้องเสียหายเป็นพันล้าน
ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายบัญชา เดชเจริญศิริกุล สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคท้องที่ไทย นำกลุ่มผู้ประกอบการคลังสินค้าฝากเก็บรักษาข้าวสารตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2556/57 เข้ายื่นหนังสือต่อ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รักษาการอธิบดีดีเอสไอ ขอให้ดีเอสไอตรวจสอบกระบวนการตรวจข้าวในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล คสช.ที่ทำให้ผู้ประกอบการคลังฯ เดือดร้อนเสียหายกว่าพันล้านบาท จากการเก็บรักษาข้าวตามสัญญาและยังถูกฟ้องทั้งแพ่ง และอาญา รวมๆ เกือบ 2,000 คดี ซึ่งในการรับฝากเก็บข้าวสาร องค์การคลังสินค้า และ/หรือ องค์การตลาดเพื่อเกษตรกรเข้าทำสัญญาฝากเก็บข้าวสารกับผู้ประกอบการรับฝากเก็บข้าวสารโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2556/57 แต่ต่อมาได้มีการเข้าตรวจสอบคุณภาพข้าวสาร การเก็บตัวอย่างข้าว โดยคําสั่ง คสช.ตั้งกรรมการ 100 ชุด และกำหนดกฎเกณฑ์ใหม่เข้าตรวจสอบข้าว เก็บตัวอย่างข้าว ขึ้นมาใช้แทนประกาศกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยมาตรฐานสินค้าข้าว โดยที่สัญญาฝากเก็บรักษาข้าวฯ เดิมกำหนดไว้ให้ใช้เฉพาะประกาศกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยมาตรฐานสินค้าข้าวเท่านั้น ส่วนบุคคลที่เข้าทำการตรวจสอบข้าว การเก็บตัวอย่างข้าวตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ที่มีคุณสมบัติไม่มีอำนาจหน้าที่โดยตรง และไม่มีประสบการณ์ในการเก็บตัวอย่างข้าวสารเพื่อตรวจสอบคุณภาพข้าวฯ จึงทำให้เกิดความเสียหายจากการตรวจสอบข้าวโดยไม่ถูกต้องทำให้มีการฟ้องร้องต่อศาลปกครองทั่วทั้งประเทศ ซึ่งมีทั้งพิพากษาให้ผู้ประกอบการรับฝากเก็บข้าวฯ แพ้คดีและชนะคดี ทางกลุ่มเห็นว่าคดีนี้มีผู้เสียหายจำนวนมาก และมีผู้เกี่ยวข้องเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหลายหน่วยงาน มีความซับซ้อนทั้งในด้านขั้นตอนและวิธีการในการออกคำสั่งและการดำเนินการของเจ้าหน้าที่รัฐ จึงต้องการให้ดีเอสไอเข้ามาตรวจสอบ
นายบัญชา กล่าวอีกว่า กลุ่มผู้ประกอบการคลังข้าวยังเห็นว่าการคัดแบ่งเกรดข้าวของคณะกรรมการตรวจสอบ 100 ชุดดังกล่าว ไม่เป็นธรรม โดยจากข้าว 18 ล้านตัน คัดเกรดได้เกรด เอ/บี แค่ 6 ล้านตัน ที่เหลือ กว่า 10 ล้านตัน ถูกขายเป็นอาหารสัตว์ ทำให้มูลค่าความเสียหายมาก วันนี้ยังได้นำข้าว ปี 57 ที่ผ่านการตรวจสอบมามอบให้ดีเอสไอด้วยว่า ยังเป็นข้าวดี เม็ดอยู่ในคุณถาพดี ซึ่งที่คลัง จ.สุรินทร์ ที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ไปตรวจสอบ ยังมีอีกเป็นแสนกระสอบ ดีเอสไอไปตรวจสอบได้ โดยการเข้าร้องทุกข์นี้กลุ่มผู้ประกอบการคลังฯ ยืนยันไม่เกี่ยวกับการจะกลับไทยหรือไม่กลับของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
ด้านรักษาการอธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า หลังดีเอสไอรับคำร้องก็จะตรวจสอบว่ามีเรื่องใดเข้าข่ายความผิดอาญา และอยู่ในอำนาจหน้าที่ดีเอสไอหรือไม่ ถ้าจะรับเข้าเป็นคดีพิเศษ กรณีนี้ผู้ร้องประสงค์ให้ตรวจสอบกระบวนการตรวจสอบข้าวที่อาจไม่ได้รับความเป็นธรรม หากเป็นเรื่องที่มีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องก็ต้องส่ง ป.ป.ช.ต่อไป
ภายหลังกลุ่มผู้ประกอบการคลังสินค้าฝากเก็บรักษาข้าวสาร ตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2556/57 ยื่นเรื่องต่อรักษาการอธิบดีดีเอสไอให้ตรวจกระบวนการตรวจสอบข้าวฯ ตามโครงการดังกล่าว พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้เดินทางมาที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อรับฟังข้อร้องเรียนจากกลุ่มผู้ประกอบการคลังสินค้าฝากเก็บรักษาข้าวสารฯ ใช้เวลาประมาณ 40 นาที จึงเปิดเผยว่า ผู้ประกอบการคลังสินค้ามองว่าตกเป็นผู้เสียหายไม่ได้รับความเป็นธรรมเพราะทำตามมาตรฐานและทำตามสัญญา และสงสัยว่าการเปลี่ยนกำหนดเกณฑ์ใหม่ในการตรวจทำให้ได้รับความเสียหาย จึงมาร้องทุกข์ดีเอสไอขอให้ช่วยสืบสวนสอบสวนตามอำนาจหน้าที่ ส่วนจะเรียกคณะกรรมการ 100 ชุด มาให้ข้อมูลหรือไม่ ขึ้นกับดุลยพินิจพนักงานสอบสวน หากพบผู้ใดผิดก็ว่าตามพยานหลักฐาน ส่วนการมาร้องทุกข์ตอนนี้เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนรัฐบาลหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ต้องถามผู้ร้องเพราะได้ต่อสู้คดีกันมายาวนานและบางคดีอัยการก็ยกฟ้อง.-119-สำนักข่าวไทย