นักวิเคราะห์ตลาดหุ้นชี้แนวโน้มหุ้นไทยไตรมาส 2-4 หลายปัจจัยหนุนดี

กรุงเทพฯ 1 เม.ย. – เลขาธิการและกรรมการผู้อำนวยการ สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุนระบุแนวโน้มการลงทุน ไตรมาส 2-4 ปี 2567 โดยมีหลากหลายปัจจัยกลายเป็นบวกคาด SET Index สิ้นปี 1,535 จุด พร้อมแนะตัวหุ้นที่เสริมท่องเที่ยวยังมีโอกาสโตได้อีกและหุ้นโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานของเก่าที่ยังค้าง เช่น EEC, Airport Link และท่าเรือน้ำลึกรัฐบาลควรเดินหน้าทำต่อ


นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการและกรรมการผู้อำนวยการ สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุนกล่าวถึงผลสำรวจความเห็นนักวิเคราะห์แนวโน้มการลงทุน ไตรมาส 2 ปี 2567 ว่า จากผลการสำรวจความเห็นสมาชิกนักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุนรวม 24 สำนัก เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนในไตรมาส 2-4 ของปี 2567 สรุปได้ดังนี้ คือ โดยสมมติฐานหลัก ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยของปีนี้ 82.36 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล คาดการณ์ การขยายตัวของ GDP ไทยปี 2567 จากเดิมที่ 3.33% (ม.ค.67) ลดลงมาเหลือ 2.80% Risk Free Rate ที่ใช้ในการประเมินมูลค่า มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 2.71% และRisk Premium ของตลาดหุ้น เฉลี่ยอยู่ที่ 8.13%

ทั้งนี้ ปัจจัยที่มีผลต่อทิศทางการลงทุนจนถึงสิ้นปี 2567 แบ่งเป็นปัจจัยบวก ที่มีผู้โหวตมาเกินกว่า 50% ของผู้ตอบแบบสอบถาม นำโดย ทิศทางอัตราดอกเบี้ยในประเทศ ทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐอเมริกา และเศรษฐกิจภายในประเทศ มีผู้ตอบแบบสำรวจ 83.33% ปัจจัยรองลงมา 70.83% โหวตให้ผลประกอบการของ บจ.ปี67ตามมาด้วย Fund Flows จากต่างประเทศสู่ตลาดหุ้นไทย และปัจจัยด้านเศรษฐกิจต่างประเทศทั้ง อเมริกา ยุโรป เอเชีย มีผู้ตอบ 66.67% ตามลำดับ


ส่วนปัจจัยด้านลบ มีปัจจัยเดียวที่โหวตเกิน 50% คือ ปัจจัยด้านการเมืองในต่างประเทศ มีผู้ตอบ 62.50% ด้านคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบายของ ธปท. ณ สิ้นปี 2567 มีนักวิเคราะห์ถึง 45.83% เท่ากัน ที่คาดว่าจะปรับลด 0.50% และ 0.25% โดยมีผู้ตอบ 8.33% ที่มองว่าคงที่ทางด้านคาดการณ์กำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ปี 2567 ของตลาดเฉลี่ยที่ 92.92 บาท ปรับลดจากผลสำรวจครั้งก่อน ซึ่งอยู่ที่ 95.62บาท ต่อหุ้น และคาดว่า EPS Growth ของปี 2567 เฉลี่ยอยู่ที่ 14.31% ทางด้านคาดการณ์ทิศทางหุ้นไทยในระยะสั้นช่วงไตรมาสที่ 2 นี้ ส่วนใหญ่คาดว่ามีแนวโน้มไปในทิศทางบวก โดยจะปิดสิ้นไตรมาส 2 ที่ 1447 จุด และเมื่อมองตลอดปี จะแกว่งตัวในกรอบ 1329 ถึง 1548 จุด โดยไปปิดสิ้นปี 2567 ที่ 1535 จุด

นอกจากนี้ ขอแนะนำให้มีการกระจายพอร์ตการลงทุน แบ่งเป็น เงินสดและเงินฝากระยะสั้น 8.33% โดยความเห็นต่อการลงทุนต่างประเทศนั้น แนะนำให้ลงทุนกองทุนหุ้นสหรัฐฯโดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยี และ Selective Asia เช่น จีน อินเดีย เกาหลี เวียดนาม สำหรับในการลงทุนหุ้นไทยนั้น แนะนำให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหมวดธุรกิจ อาหารและเครื่องดื่ม สินค้าอุปโภคบริโภค เงินทุน/หลักทรัพย์ รับเหมาก่อสร้าง และการท่องเที่ยว ในขณะที่ให้ลดน้ำหนักการลงทุนใน หมวดธนาคาร และธุรกิจประกัน

อย่างไรก็ตาม โดย 4 สำนักหุ้นที่วิเคราะห์แนะนำตรงกันหุ้นที่น่าลงทุนต่อเนื่อง คือ AOT ที่ได้อานิสงส์จากท่องเที่ยวฟื้นตัว โดย ธปท. คาดปีนี้มีนักท่องเที่ยว 34.5 ล้านคน +22.6% อีกทั้งยังมีมาตรการรัฐ ฟรีวีซ่า ซึ่ง AOT คาดผู้โดยสารในปีนี้ +20% เป็น 120 ล้านคนและไม่มีมาตรการให้ส่วนลดผู้ประกอบการ คาดรายได้ปีนี้ +39.6% ส่วนหุ้น CK ได้ประโยชน์จากการเร่งรัดงบเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐปี67 หนุนให้การประมูลโครงการรัฐหลังจากนี้มีมากขึ้น โดยงานปีนี้ที่รอประมูลได้แก่ รถไฟทางคู่ขอนแก่น-หนองคาย ทางด่วนจตุโชติ และ ทางด่วนกะทู้-ป่าตอง เป็นต้น นอกจากนี้ในด้านต้นทุนพบว่าดัชนีวัสดุก่อสร้างลดลงต่อเนื่อง หุ้น CPALL ได้ประโยชน์หลักจากการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวต่างชาติและการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ และหุ้น MINT ได้ประโยชน์จากธุรกิจโรงแรมในไทยและในยุโรปเติบโตดี ดอกเบี้ยจ่ายลดลง ธุรกิจอาหารฟื้นตัวสำหรับหุ้นที่ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ หุ้นที่เกินมูลค่าปัจจัยพื้นฐานไปมาก และหุ้นรายตัวที่มีภาระกู้ยืมสูง/เพิ่มทุน


นอกจากนีั อยากแนะนำไปยังรัฐบาลเกี่ยวกับนโยบายที่จะมีผลบวกต่อภาวะเศรษฐกิจ มีความคุ้มค่ากับงบประมาณ โดยเฉพาะมาตรการทั้งในระยะสั้นและยาว แยกเป็นการเร่งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เดินหน้าโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานของเก่าที่ยังค้าง เช่น EEC, Airport Link และท่าเรือน้ำลึก ถัดมาคือด้านการช่วยเหลือภาคประชน การลดภาระหนี้ภาคครัวเรือน กระตุ้นการจ้างงานพร้อมกับพัฒนาแรงงานฝีมือและมาตรการเพิ่มกำลังซื้อ (ช้อปช่วยชาติ) ที่กระจายช่วงเวลาใช้ ไม่กระจุกในช่วงเวลาสั้นจนเกินไป และตามมาด้วย นโยบายสนับสนุนการท่องเที่ยว ดึงความน่าสนใจท่องเที่ยวเมืองรอง และขยายเมือง สนับสนุน FDI อุตสาหกรรมเป้าหมาย เพิ่มขีดจำกัดด้านการผลิต รวมถึงการย้ายฐานผลิตเข้ามาไทยและมองว่าโอกาสในช่วงปลายปีอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะปรับตัวลดลงมาได้ รวมถึงแนวโน้นค่าเงินบาทมีโอกาสจะแข็งค่าขึ้นในช่วงกลางเดือน เม.ย.นี้ และอาจมีความผันผวนได้ในช่วงเวลาที่เหลือปีนี้

ทัังนี้ สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุนได้สรุปจุดสูงสุด ของ SET Index ช่วง เม.ย. – ธ.ค.67 เฉลี่ยที่ระดับ 1,548 จุด และคาดว่าดัชนีจะทำจุดสูงสุด 1,501 – 1,600 และจุดต่ำสุดที่ 1,329 จุด โดยการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงนั้นแนะนำให้แบ่งเงินลงทุนไว้ในหุ้นต่างประเทศหรือกองทุนหุ้น ต่างประเทศ กองทุนอสังหา / REIT และทองคำรลงทุนหุ้นต่างประเทศ กองทุนหุ้นต่างประเทศ แนะนำกองทุนหุ้นสหรัฐฯโดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยี และ Selective Asia เช่น จีน อินเดีย เกาหลีเวียดนามเป็นต้น. -514-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้นบ้านสามารถ

ดีเอสไอเข้าค้นบ้าน “สามารถ” คดีฟอกเงินดิไอคอน

ดีเอสไอเข้าค้นบ้าน “สามารถ เจนชัยจิตรวนิช” คดีฟอกเงินดิไอคอน หลังพบเงิน “บอสดิไอคอน” โอนเข้าบัญชีแม่ของนายสามารถ

หมอบุญ

THG แจงบริษัทไม่เกี่ยวข้องคดีต่างๆ ที่เกิดจาก “หมอบุญ”

THG แจงตลาดหลักทรัพย์ฯ ปัจจุบัน “หมอบุญ” ไม่ได้ดำรงตำแหน่งกรรมการและผู้บริหารใน THG คดีฉ้อโกงใดๆ ที่เกิดขึ้น บริษัทไม่เกี่ยวข้อง

คะแนนไม่เป็นทางการ เลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ

ลุ้นผลคะแนนเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช นับเสร็จแล้วบางหน่วย ล่าสุด ณ เวลา 19.40 น. “วาริน ชิณวงศ์” เบอร์ 2 จากทีมนครเข้มแข็ง ชนะคู่แข่งขาดลอยในหลายหน่วย คะแนนทิ้งห่างแชมป์เก่า “กนกพร เดชเดโช” เบอร์ 1 จากพรรค ปชป.

“ทนายสายหยุด” จ่อถอนตัวคดีตั้ม หวั่นติดร่างแห

“ทนายสายหยุด” เตรียมถอนตัวเป็นทนายให้ “ตั้ม” เผยในมือมีแต่พยานเท็จ ปิดบังข้อเท็จจริง เสี่ยงเป็นผู้ร่วมกระทำผิด

ข่าวแนะนำ

หมอบุญ

THG แจงบริษัทไม่เกี่ยวข้องคดีต่างๆ ที่เกิดจาก “หมอบุญ”

THG แจงตลาดหลักทรัพย์ฯ ปัจจุบัน “หมอบุญ” ไม่ได้ดำรงตำแหน่งกรรมการและผู้บริหารใน THG คดีฉ้อโกงใดๆ ที่เกิดขึ้น บริษัทไม่เกี่ยวข้อง

ค้นบ้านสามารถ

ดีเอสไอเข้าค้นบ้าน “สามารถ” คดีฟอกเงินดิไอคอน

ดีเอสไอเข้าค้นบ้าน “สามารถ เจนชัยจิตรวนิช” คดีฟอกเงินดิไอคอน หลังพบเงิน “บอสดิไอคอน” โอนเข้าบัญชีแม่ของนายสามารถ