กรุงเทพฯ 13 ก.ย. – นักวิเคราะห์ประเมิน Digital Wallet หนุนหุ้นไทยต่อเนื่อง กลุ่มค้าปลีก- สินค้าอุปโภคบริโภค จับตาเปิดจองซื้อกองทุนวายุภักษ์ 1 สัปดาห์หน้า ขณะที่เงินบาทยังผันผวน แข็งค่าสุดในรอบ 19 เดือน
นายณัฐพล คำถาเครือ ผอ.ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ให้สัมภาษณ์ในรายการนาทีลงทุน สำนักข่าวไทย ทางช่อง 9 MCOT HD ถึงทิศทางตลาดหุ้นไทยวันนี้ ยังเป็นไปในทิศทางบวก โดยมีปัจจัยในประเทศ จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการเติมเงินผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 1 ที่จะเริ่มจ่ายเงินให้กับกลุ่มเปราะบาง ในวันที่ 25 ก.ย.นี้ จำนวน 14 ล้านคน เม็ดเงิน 1.4 แสนล้านบาท คิดเป็น 5% ของยอดบริโภครายไตรมาส จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และกำลังซื้ออย่างมีนัยสำคัญ ช่วยหนุนกลุ่มค้าปลีก กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับสินค้าอุปโภคบริโภค สำหรับปัจจัยภายนอก ตลาดหุ้นเอเชียอยู่ในทิศทางสดใส หลังมีการคาดการณ์ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีแนวโน้มลดดอกเบี้ย ในการประชุมสัปดาห์หน้า ยกเว้นตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่ถูกกดดันจากค่าเงินเยนที่แข็งค่า
ส่วนสัปดาห์หน้าแรงซื้อน่าจะเบาบางลง เนื่องจากมีการเปิดจองซื้อกองทุนวายุภักษ์ 1 สำหรับนักลงทุนทั่วไป และสัปดาห์ถัดไปเปิดจองซื้อสำหรับนักลงทุนสถาบัน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวช่วง 1-2 สัปดาห์ คาดแนวรับที่ 1,410-1,420 จุด และแนวต้าน 1,440-1,450 จุด
สำหรับราคาทองคำโลกปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (นิวไฮ) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์เฟด จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่เงินบาทในไทยแข็งค่า ทำให้ราคาทองคำในไทยไม่แตะนิวไฮ สำหรับนักลงุทนทองคำไทยที่ไม่อยากได้ผลกรทบจากค่าเงินบาท และรับความเสี่ยงได้สูง มีทางเลือกการลงทุนอย่าง Gold Online Futures ในตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ประเทศไทย) หรือตลาด TFEX
ด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทย รายงานว่าเงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 19 เดือนครั้งใหม่ที่ 33.32 บาทต่อดอลลาร์ฯ (แข็งค่าสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2566) ก่อนจะกลับมาปรับตัวอยู่ที่ระดับ 33.33-33.35 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (08.35 น.) แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 33.75 บาทต่อดอลลาร์ฯ
โดยมีแรงหนุนสำคัญจากการพุ่งขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลกที่ทำนิวไฮ ประกอบกับน่าจะมีแรงหนุนจากแรงขายเงินดอลลาร์ฯ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับเงินยูโร แม้ธนาคารกลางยุโรปจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมรอบนี้ลง 0.25% ตามที่ตลาดคาด แต่ยังไม่มีสัญญาณลดดอกเบี้ยในการประชุมรอบหน้าในเดือนตุลาคม นอกจากนี้ยังมีปัจจัยลบจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทั้งจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีราคาผู้ผลิตที่ออกมาต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของตลาดด้วยเช่นกัน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันนี้ที่ 33.25-33.55 บาทต่อดอลลาร์ฯ ยังต้องติดตามทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์สกุลเงินในเอเชีย ตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน ก.ค. ของยูโรโซน และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (เบื้องต้น) เดือน ก.ย. ของสหรัฐฯ
เช่นเดียวกับนายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย ที่ระบุว่าเงินบาทแข็งค่าตามการทยอยอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ รวมถึงได้แรงหนุนจากโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ หลังราคาทองคำปรับตัวขึ้นทำนิวไฮ เงินบาทยังมีโอกาสเคลื่อนไหวผันผวนตามมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด หรือการปรับสถานะถือครองเงินดอลลาร์ โดยประเมินกรอบเงินบาทวันนี้จะอยู่ที่ 33.25-33.50 บาท/ดอลลาร์ แนะควรระวังความผันผวนในช่วงทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่าง ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค รวมถึงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดได้.-516-สำนักข่าวไทย