รวบ 2 หนุ่มชัยนาท พร้อมยาบ้า 200,000 เม็ด

กทม. 16 มี.ค.-สืบนครบาลรวบ 2 หนุ่มชัยนาท พร้อมยาบ้า 200,000 เม็ด คาด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษศรีนครินทร์

ตำรวจกองกำกับการสืบสวน 2 ทำการสืบสวนผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายสำคัญให้ได้ผลอย่างเป็นรูปธรรม สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 2 ราย คือ 1.นายนัทธพงศ์ อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาที่ 1 (ขับรถยนต์) 2.นายโอธารัตย์ อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาที่ 2 (นั่งมาด้านข้างคนขับ) พร้อมด้วยของกลาง 1.ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ( ยาบ้า ) จำนวนประมาณ 200,000 เม็ด (สองแสนเม็ด) พบในฝากระโปรงท้ายรถยนต์นั่งส่วนบุคคล โตโยต้า แคมรี่ สีบรอนซ์เงิน 2.รถยนต์นั่งส่วนบุคคล โตโยต้า แคมรี่ สีบรอนซ์เงิน 3.โทรศัพท์มือถือ จำนวน 3 เครื่อง


โดยกล่าวหาว่า “ ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ( เมทแอมเฟตามีน ยาบ้า ) อันเป็นการมีไว้เพื่อจำหน่ายอันเป็นการกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป” สถานที่จับกุมบริเวณด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษศรีนครินทร์ แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ

พฤติการณ์ในการจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.2 บก.สส.บช.น. จากการสืบสวนทราบว่าเวลาประมาณช่วง 02.00 น. ถึง 05.00 น.จะมีการลักลอบรับส่งยาเสพติดบริเวณถนนศรีนครินทร์ ซอย 7 และ ซอย 9 จึงได้วางกำลังเฝ้าติดตามกลุ่มเป้าหมาย จนกระทั่งเวลาประมาณ 03.45 น. เจ้าหน้าที่พบรถยนต์โตโยต้า แคมรี่ ซึ่งเป็นรถยนต์เป้าหมายขับเข้ามายังซอยศรีนครินทร์ ซอย 7 โดยขับเข้าไปใช้เวลาไม่นานก็ขับออกมา ต่อมาขับเข้าไปยังซอยศรีนครินทร์ซอย 9 เข้าไปประมาณ 5 นาที เจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่ามีการรับส่งยาเสพติดอยู่ในซอย 9 แล้วเจ้าหน้าที่จึงได้วางกำลังเฝ้าบริเวณปากซอย ต่อมาก็พบรถยนต์เป้าหมายขับออกมาจึงได้ทำการสะกดรอยติดตามจนกระทั่งรถยนต์คันดังกล่าวขับมาถึงบริเวณหน้าด่านเก็บเงินค่าผ่านทางพิเศษศรีนครินทร์ แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ จึงได้แสดงตัวเข้าตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบ นายนัทธพงศ์ เป็นคนขับ และนายโอธารัตน์ เป็นคนนั่งข้าง จากการตรวจค้นโดยละเอียดพบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 1 กระสอบ จำนวนประมาณ 200,000 เม็ด วางอยู่ที่กระโปรงท้ายรถยนต์โตโยต้า รุ่นแคมรี่ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย จึงแจ้งว่าต้องถูกจับแจ้งข้อกล่าวหาแจ้งสิทธิ ให้ทราบ นำตัวพร้อมของกลาง มาทำบันทึกการจับและดำเนินการตาม พ.ร.บ.ป้องกันการทรมานฯ เรียบร้อยจากนั้นนำตัวพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป


เบื้องต้นตรวจสอบประวัติ พบว่า 1.นายโอธารัตย์ เคยถูกจับกุมในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดมาก่อนหน้านี้ จำนวน 2 ครั้ง -ครั้งที่ 1 ประมาณปี พ.ศ. 2552 สภ.หันคา จับกุมในข้อหาจำหน่ายยาบ้าจำคุก 1 ปี 8 เดือน ที่เรือนจำจังหวัดชัยนาท -ครั้งที่ 2 ประมาณปี พ.ศ. 2557 สภ.หันคา จับกุมในข้อหาครอบครองเพื่อจำหน่าย พร้อมของกลางยาบ้า จำคุก 4 ปี 6 เดือน ที่เรือนจำจังหวัดชัยนาท และพ้นโทษเมื่อประมาณกลางปี พ.ศ.2561 จึงได้จับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส.เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.-414.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง