ทำเนียบรัฐบาล 25 ม.ค.-ประธานาธิบดีเยอรมันยินดีการเมืองไทยเข้มแข็ง หลังผ่านการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย คำพิพากษา “พิธา” ออกมาดี ถือเป็นพัฒนาการเมืองไทย ร่วมผลักดันเอฟทีเอไทย-อียูสำเร็จโดยเร็ว
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงข่าวร่วมกับนายฟรังค์-วัลเทอร์ ชไตน์ไมเออร์ ประธานาธิบดีสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ภายหลังการหารือข้อราชการ โดยประธานาธิบดีสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี กล่าวว่า ประเทศไทยและเยอรมนีมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันกว่า 160 ปี โดยการทำการค้าและสำรวจเส้นทางเดินเรือตั้งแต่เป็นประเทศสยาม จึงเกิดความสัมพันธ์ข้ามระยะเวลามานาน วันนี้ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ประเทศไทยที่มีเสรีภาพและเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น เพราะผ่านการเลือกตั้งมาแล้ว สะท้อนให้เห็นความเข้มแข็ง ขอให้รัฐบาลนี้ที่นำโดยนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสินประสบผลสำเร็จ ร่วมผลักดันความร่วมมือระหว่างสองประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยว ซึ่งในปี 2566 มูลค่าการลงทุนมีถึง 1 4,000 ล้านยูโร ประเทศไทยมีบริษัทสัญชาติเยอรมันกว่า 600 แห่งเข้ามาลงทุน การสร้างงาน สร้างเศรษฐกิจ
ประธานาธิบดีเยอรมนี กล่าวถึงการท่องเที่ยวระหว่าง 2 ประเทศ ว่า ทุก ๆ ปีมีนักท่องเที่ยวชาวเยอรมันกว่า 2 แสนคนเข้ามาประเทศไทย จึงหวังว่าทั้ง 2 ประเทศจะมีความร่วมมือ ประสาการนทำงานร่วมกันในด้านนี้ ทั้งยังมีความคาดหวังว่าประเทศไทยจะให้ความร่วมมือในการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาด ขณะเดียวกันต้องการเห็นการสร้างความเข้มแข็งในการอำนวยความสะดวกการลงทุนระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการสนับสนุนเขตการค้าเสรี(FTA) ระหว่างสหภาพยุโรปและประเทศไทย โดยหวังจะเห็นการบรรลุข้อตกลงนี้ในระยะเวลาอันใกล้ เยอรมนีพร้อมขยายความร่วมมือ เน้นนโยบายลดการพึ่งพาฝ่ายเดียว ขยายการค้าการลงทุนมายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งประเทศไทยถือว่ามีภูมิศาสตร์ประเทศที่ดีในการทำการค้า
“ผมได้หารือเรื่องสิทธิบทบาทของภาคประชาสังคม และยินดีภายหลังรับทราบรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ชี้ว่านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคก้าวไกลไม่พ้นความเป็นสมาชิกภาพ สส. และได้กลับมาปฏิบัติหน้าที่สส.ต่อ คำพิพากษาถือว่าออกมาดี เป็นการดำเนินการทางการเมืองที่ดีของไทย” นายฟรังค์-วัลเทอร์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการตอบคำถามสื่อมวลชนที่สอบถามถึงความร่วมมือที่ชะงักไปในช่วงที่ผ่านมาจนถึงรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ประธานาธิบดีเยอรมนี กล่าวว่า หลังการเลือกตั้งของไทย มองเห็นแนวทางเชิงบวกในการพัฒนาความร่วมมือระหว่างกัน ตนเห็นในความเชื่อมั่นของนายกรัฐมนตรี ขณะที่คดีของนายพิธาแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตยที่มีเสถียรภาพในการแสดงออก
ด้านนายกรัฐมนตรีของไทย กล่าวว่า รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญกับสิทธิมนุษยชน ตลอดเวลาที่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ ได้ให้สิทธิเสรีภาพอย่างเหมาะสมภายใต้กรอบกฎหมายและสนับสนุนด้านนี้อย่างต่อเนื่อง “ส่วนเรื่องการค้าระหว่างประเทศตลอด 4 เดือนที่ผ่านมา เราเดินทางไปทั่วประเทศและทั่วโลก ขณะที่จุดยืนทางการเมือง เรายึดมั่นในความเป็นกลาง ไม่สนับสนุนความขัดแย้ง พร้อมช่วยเหลือให้คนไทยที่อยู่ในต่างประเทศให้ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี.-314.-สำนักข่าวไทย