2 กมธ. สภาฯ จับมือเดินหน้าถกปม”ป้าบัวผัน”

รัฐสภา 19 ม.ค.-กมธ.ตำรวจ-สวัสดิการสังคม” จับมือเดินหน้าถกปมป้าบัวผัน “ชัยชนะ” ยันจะพบ “ลุงเปี๊ยก” หากบำบัดหาย จี้ ตร. หากดำเนินการไม่ถึงที่สุด สตช.เสียหาย


นายชัยชนะ เดชเดโช สส. จังหวัดนครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร  และนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.พรรคก้าวไกล  ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการสวัสดิการสังคม สภาผู้แทนราษฎร   แถลงติดตามกรณีเยาวชนรุมทำร้ายร่างกาย นางบัวผัน ตันสุ หรือ ป้ากบ จนถึงแก่ความตาย ที่ จ.สระแก้ว หลังจากวันนี้(19 ม.ค.) ยกเลิกกำหนดการลงพื้นที่พบลุงเปี๊ยก สามีของป้าบัวผัน เนื่องจากลุงเปี๊ยกต้องเข้ารับการรักษา

นายชัยชนะ  กล่าวว่า เบื้องต้นตำรวจได้ออกหมายจับ “ลุงเปี๊ยก“  แต่การสอบสวนใหม่ ล่าสุดพบว่าลุงเปี๊ยกไม่ได้มีการกระทำความผิดและส่งไปบำบัดรักษาโรคสุราเรื้อรัง ที่โรงพยาบาลธัญรักษ์ ซึ่งก่อนหน้านี้ทราบว่า ลุงเปี๊ยกถูกทรมานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งมียศเป็นนาย “ดาบตำรวจ” มีบุคลิกขาเป๋ ใส่ขาเทียม และ ”รองผู้กำกับสืบสวน” ทราบเรื่อง แต่ไม่ห้าม ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้ว ว่าสภามีการผ่านร่างพระราชบัญญัติอุ้มหาย  นั้นการกระทำดังกล่าวถือว่าผิดมาตรา 5 มีโทษจำคุก 5 ถึง  15 ปี ปรับ 300,000 บาท


หลังจากพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)ลงพื้นที่ติดตามคดี และสอบปากคำด้วยตัวเอง  ทำให้ตำรวจคนดังกล่าวได้ถูกแจ้งความดำเนินคดีแล้ว  รวมถึงผู้กำกับสืบสวนในฐานะที่รับทราบแต่ไม่ห้าม ก็ผิดมาตรา 157  ละเว้นการปฎิบัติหน้าที่  ขณะนี้รองผบ.ตร. ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีย้อนหลังกับเยาวชนทั้ง 5 คน ที่เคยก่อเหตุรวมทั้งสิ้น 5 คดี

“เดิมทีวันนี้ กมธ. ตำรวจ และ กมธ.สวัสดิการสังคม  จะเดินทางไปพบลุงเปี๊ยก  ที่ สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งชาย ธัญบุรี รังสิต แต่ทราบว่าลุงเปี๊ยกถูกนำมารักษาตัวที่โรงพยาบาลธัญรักษ์  หากหายแล้ว กมธ.จะเดินทางไปเยี่ยม เพื่อสอบถามถึงความพอใจในการดำเนินคดีจากตำรวจชุดดังกล่าว รวมถึงการเรียกร้องเพื่อได้รับการเยียวยาตามสิทธิ์เพิ่มเติม” นายชัยชนะ กล่าว

ขณะที่นายณัฐชา กล่าวว่า เมื่อวานนี้(18 ม.ค.) กมธ.ได้มีการพูดคุยหารือกันในที่ประชุมถึงข้อกฎหมาย ในเรื่องการคุ้มครองเด็กและบทลงโทษของเด็ก เพราะมีเยาวชนกระทำความผิดรุนแรง จนทำให้เกิดผู้เสียหาย จนถึงขั้นมีผู้เสียชีวิตจะมีบทลงโทษอย่างไร โดยเจตนารมย์ของกฎหมายฉบับนี้ต้องการให้โอกาสเด็กที่กระทำความผิดครั้งแรก ไม่ต้องการให้เป็นตราบาปไปตลอดชีวิต ซึ่งข้อสรุปที่ประชุมของกรรมาธิการ ยังไปไม่ถึงการแก้กฎหมาย  เรื่องดังกล่าวต้องมีการพูดคุยกันอย่างจริงจัง ซึ่งบทลงโทษของเด็กเพิ่งเปลี่ยนเมื่อปี 2565 จาก 10 ปีเป็น 12 ปี การจะเปลี่ยนกลับไปกลับมา เพื่อกรณีใดกรณีหนึ่ง ประชุมในที่ประชุมจึงยังไม่เห็นด้วย ซึ่งสัปดาห์หน้าจะเชิญนักสิทธิมนุษยชน ตัวแทนจากกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กรมกิจการเด็กและเยาวชน มาร่วมพูดคุยว่า จะมีการหาทางออกกับ เหตุการณ์รุนแรงอย่างไร


ประเด็นที่ 2 คือเรื่องวิกฤติกระบวนการยุติธรรม นอกจากคดีฆ่าคนตายทั่วไปแล้ว ยังมีอีกหลายคดีที่ผู้กระทำความผิดไม่ได้รับบทลงโทษ และกระบวนการของเจ้าหน้าที่ยังมีส่วนไปช่วยเหลือ

“ไม่ว่าจะเป็นการโยนความผิดให้บุคคลที่เป็นโรคจิต  ให้บุคคลที่มีฐานะยากจน บุคคลที่ไม่สามารถต่อสู้คดีความได้ เหตุการณ์แบบนี้หากไม่เป็นข่าวดังขึ้นมา ก็อาจจะเงียบหายไป เช่นกรณีลุงเปี๊ยก ถ้าไม่มีวัตถุพยานอย่างกล้องวงจรปิด ลุงเปี๊ยก เข้าไปอยู่ในเรือนจำแล้ว นี่หมายความว่ากระบวนการยุติธรรมที่ให้กับประชาชนและตำรวจช่วยส่งเสริมให้ความจริงปรากฏ  หากไม่มีหลักฐานเป็นกล้องวงจรปิด  ก็มีการจับกุมผู้บริสุทธิ์ ไปคุมขังแทนผู้กระทำความผิดที่แท้จริง”  นายณัฐชา กล่าว

นอกจากนี้ กรณีนี้ยังเป็นวิกฤติศรัทธาของตำรวจ จึงได้มีการหารือกับ กมธ.ตำรวจ ว่าจะหยิบยกเครื่องนี้มาเป็นประเด็นอย่างจริงจัง ว่าสุดท้ายแล้วกระบวนการยุติธรรม หรือวิธีการพิจารณาคดีความของตำรวจจะแสวงหาข้อเท็จจริงได้มากน้อยแค่ไหน  และหากกระบวนการดำเนินไปแล้วพบข้อผิดพลาด สุดท้ายจะกลับมาเริ่ม กระบวนการใหม่ได้หรือไม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจมีความผิดด้วยหรือไม่

นายณัฐชา กล่าวว่า ส่วนประเด็นที่น่ากังวล คือปัญหาคนเร่ร่อน คนไร้ที่พึ่ง กมธ. ได้เชิญมูลนิธิอิสระชน มูลนิธิกระจก ตัวแทนจากกระทรวง พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์มาพูดคุยโดยในที่ประชุม กระทรวง พม. ยอมรับ ว่ามีคนกลุ่มดังกล่าว  11 แห่งทั่วประเทศที่อยู่ในการดูแลของกระทรวง 5,000 คน แสดงว่ายังมีอีกหลายพันคนที่อยู่ตามจุดต่างๆ และอาจจะมีลักษณะคล้ายป้าบัวผันที่ถูกกลั่นแกล้ง แต่อาจไม่ถึงแก่ความตาย ซึ่งบุคคลเหล่านี้ไม่มีหนทางที่จะต่อสู้ จึงต้องหาทางออก ว่าจะทำอย่างไรกับคนกลุ่มดังกล่าวเมื่อถูกรังแก

ขณะที่นายชัยชนะ ยังฝากถึงรัฐบาล ว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องยอมรับว่าเยาวชนมีการดื่มของมึนเมาเข้าไป ซึ่งนี่เป็นปัญหาหลักจึงอยากให้มีการปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาด จะเห็นได้ว่าปัญหาสังคมทุกวันนี้มาจากลูกฆ่าพ่อ พ่อฆ่าแม่ ก็มาจากปัญหายาเสพติด นอกจากนี้ยังมีปัญหาการติดพนันออนไลน์ ทำให้มีเหตุอาชญากรรมมากมาย

“ตามที่ผมได้คุยกับรองผบ.ตร. เจ้าหน้าที่ท่านใด คนไหนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ มีส่วนที่ทำให้ปิดสำนวนแล้วผิด ใช้ถุงดำคลุมหัวลุงเปี๊ยก ขับรถไปก็ดี หรือเดินทางเข้าห้องไปก็ดี ต้องดำเนินการให้ถึงที่สุด ไม่เช่นนั้นประชาชนจะพึ่งที่ไหนได้  ในเมื่อกระบวนการยุติธรรมไม่สามารถพึ่งพาได้“ นายชัยชนะ กล่าว

เมื่อถามว่าจากที่คุยกับ รองผบ. ตร. มีแค่ตำรวจขาเป๋คนเดียวที่เกี่ยวข้องใช่หรือไม่ นายชัยชนะกล่าวว่า รองผบ. ตร.รอยืนยัน ว่าลุงเปี๊ยกชี้คนเดียว ซึ่งรองผู้กำกับสืบสวนรับทราบ หลังจากนี้หากลุงเปี๊ยกเข้ารับการบำบัด และมีความจำรื้อฟื้น ว่านอกจาก 2 คนนี้ ยังมีใครอีกก็พร้อมรับฟังและแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม เราต้องยอมรับสิ่งที่ลุงเปี๊ยกพูด ว่าโกรธที่สุดคือชายขาเป๋ที่ทำร้าย จะเห็นว่าการคลุมถุงดำเกิดขึ้นล่าสุดที่ จ.นครสวรรค์ ผู้กระทำก็รับโทษไปแล้ว วิธีการสืบสวนทุกวันนี้โลกเปลี่ยนไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องอุ้มรีด สามารถดูกล้องวงจรปิด ข้อมูลโทรศัพท์ ก็น่าจะเพียงพอในการออกหมายจับ

ส่วนข้อเสนอให้อัยการร้องขอต่อศาลพิจารณาโทษเทียบเท่าผู้ใหญ่ นายชัยชนะ ยอมรับว่า ไม่ได้มีการคุยกัน ซึ่งตนคิดว่าในอนาคต หากจะแก้กฎหมายต้องดูว่ากำหนดโทษเช่นไร เช่นโทษฆ่าผู้อื่น เมื่ออายุครบ 18 ปี ออกจากสถานพินิจ ก็ควรย้ายไปอยู่เรือนจำกลาง ไม่เช่นนั้นในอนาคตคนที่คิดทำร้ายผู้อื่นก็ใช้เด็กเยาวชนเป็นเครื่องมือ เพราะโทษอย่างไรก็ไม่เกิน 4-5 ปี ถ้าอายุ 16 ปีก็รับโทษแค่ 3 ปี

ส่วนกรณีที่ลุงเปี๊ยก ให้การวกไปวนมาเกี่ยวกับพฤติการณ์ของตำรวจระหว่างสืบสวน จะทำให้ตำรวจหลุดจากคดีคดีหรือไม่ นายชัยชนะ ยืนยันว่า หลุดไม่ได้ การกลับไปกลับมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยอมรับว่ากระทำจริง ต้องยอมรับว่าลุงเปี๊ยกเป็นผู้ป่วย เมื่อเข้าสถานบำบัดที่แรก สติกลับมาและได้สอบถามลุงเปี๊ยกก็ชี้ถูก จึงคิดว่าไม่น่าเป็นปัญหา  ถ้าเรื่องนี้ดำเนินคดีไม่ถึงที่สุด คนที่เสียหายคือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ.-314 .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญถกคำร้อง “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างฯ

จับตา ศาลรัฐธรรมนูญ “รับ/ไม่รับ” คำร้องปม “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองหรือไม่

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น