“อุ๊งอิ๊ง” ยัน ไม่มีชื่อนั่ง ครม.

ร้อยเอ็ด 7 ม.ค.- “แพทองธาร” ยัน ไม่มีชื่อนั่ง ครม. ส่วนเรื่อง 3 รมต.เพื่อไทยเตรียมลาออก สส. การันตีตำแหน่งรัฐมนตรียาวหรือไม่ โยนถามนายกฯ


นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ระหว่างลงพื้นที่ตรวจ เยี่ยมโครงการนำร่อง “30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว” ที่ จ.ร้อยเอ็ด ถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี ยืนยัน ไม่มีชื่อของตนเอง ส่วนใน 4 ปีของรัฐบาลชุดนี้จะมีโอกาสนั่งตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่นั้น ยังไม่ทราบ ช่วงเวลานี้ขอทำงานเพื่อนโยบายต่างๆ ทั้ง ซอฟต์พาวเวอร์ และ โครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ ซึ่งจะขอผลักดันเรื่องนี้ให้เต็มที่ ส่วนเรื่องตำแหน่งรัฐมนตรีอนาคตค่อยว่ากัน

“ปรับ ครม.ไม่มีชื่ออิ๊งค์ค่ะ ยืนยันไม่มีการพูดคุยเรื่องนี้ ส่วนในอีก 4 ปีไม่ทราบเหมือนกัน แต่ในตอนนี้ไม่มีจริงๆค่ะ” นางสาวแพทองธาร กล่าว


เมื่อถามย้ำว่าถ้า ปรับ ครม.รอบนี้ แล้วมีชื่อ “แพทองธาร ชินวัตร” จะพร้อมรับตำแหน่งหรือไม่ นางสาวแพทองธาร ย้ำว่า ไม่มีการพูดคุยเรื่องนี้เกิดขึ้น และรู้สึกเซอร์ไพรส์ถ้าจะมีชื่อ

“อิ๊งค์ไม่มีชื่อแน่นอน เซอร์ไพรส์มากนะ ถ้ามีชื่ออิ๊งค์อยู่ใน ครม.” นางสาวแพทองธาร กล่าว

ส่วนกรณีที่มีรายงานว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และ นายประเสริฐ จันทรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จะลาออกจาก สส.บัญชีรายชื่อ เพื่อเปิดทางให้คนรุ่นใหม่ขึ้นมาทำหน้าที่แทน จะเป็นการการันตีตำแหน่งรัฐมนตรีให้กับบุคคลทั้ง 3 คน ตลอดอายุรัฐบาลหรือไม่นั้น เรื่องนี้ขอให้ถามนายกรัฐมนตรีเอง ตนเองไม่เกี่ยวข้องด้วย


เมื่อถามถึงภาพรวมของการอภิปราย ร่างกฎหมายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ว่าพอใจและสะท้อนเสถียรภาพของรัฐบาลอย่างไร นางสาวแพทองธาร ชี้แจงว่า พรรคยังไม่มีสิทธิ์ในการทำงบประมาณทั้งหมด แต่ถือว่าทุกฝ่ายทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ และขอให้กำลังใจคณะรัฐมนตรีและสส.ทุกคน ซึ่งก็เชื่อว่าทุกคนต่างตั้งใจทำงานเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง

ส่วนท่าทีของพรรคก้าวไกล ที่ไม่ค่อยอภิปรายโจมตีพรรคเพื่อไทย ในการอภิปรายงบประมาณครั้งนี้ ถือเป็นการส่งสัญญาณว่าในอนาคตพร้อมที่จะจับมือตั้งรัฐบาลได้หรือไม่นั้น นางสาวแพทองธาร กล่าวสั้นๆว่า “เป็นเรื่องของอนาคตค่ะ”

ขณะที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวเสริมว่า ขณะนี้เสียงในสภาถือว่าแน่นหนามาก ซึ่งได้รับเสียงถึง 314 เสียง แม้จะมีสส.ฝ่ายรัฐบาลบางคนลาป่วย แต่ก็ยังได้ สส.ฝ่ายค้าน จากพรรคไทยสร้างไทย เข้ามาเพิ่ม 3 เสียง

ส่วนกรณีกระแสข่าว 3 รัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย เตรียมลาออกจาก สส. นั้น นพ.ชลน่าน เผยว่า ทางพรรคเคยพูดคุยกันว่าแต่ละคนมีศักยภาพในการทำงาน ซึ่งบางท่านอยู่ใน 2 ตำแหน่งทั้งรัฐมนตรี และ สส. ก็อาจจะอยากเปิดโอกาสให้คนอื่นเข้ามาช่วยทำงานด้วย เพราะขณะนี้ สส. ต่างก็ทำงานกันเหนื่อยมาก .-316 สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง