บุรีรัมย์ 29 ธ.ค. – รวบแล้วโจรสาวตระเวนชิงทอง 3 ร้าน กลางเมืองบุรีรัมย์ สารภาพหาเงินใช้หนี้ที่กู้มาสร้างบ้าน ซื้อรถ และมีลูกน้อยต้องเลี้ยงดู จึงก่อเหตุหวังเอาทองไปขายหาเงินใช้หนี้
เมื่อเวลา 16.00 น.ที่ผ่านมา (29 ธ.ค.66) พล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ มอบหมายให้ พ.ต.อ.จำรัส ศิริเลี้ยง ผู้กำกับการ สภ.เมืองบุรีรัมย์ พนักงานสอบสวน และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบ นำตัว น.ส.สุภาพร อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาวิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังร้านทองที่เกิดเหตุในเขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ จำนวน 3 ร้าน
หลังจาก น.ส.สุภาพร ก่อเหตุวิ่งราวทองคำรูปพรรณ 3 ร้านรวดภายใน 1 สัปดาห์ ร้านแรก วันที่ 23 ธ.ค. 66 เวลาประมาณ 14.00 น. ชิงทองหนัก 50 สตางค์ ใส่กระเป๋า แต่เจ้าของร้านเห็นก่อนจึงได้คืน ร้านที่สอง วันที่ 25 ธ.ค. 66 เวลาประมาณ 14.00 น. ได้สร้อยข้อมือทองคำหนัก 50 สตางค์ มูลค่า 17,500 บาท แล้วขี่จักรยานยนต์หลบหนี ร้านที่สาม วันที่ 27 ธ.ค. 66 เวลาประมาณ 08.04 น. ได้สร้อยข้อมือทองคำหนัก 1 บาท จำนวน 2 เส้น มูลค่า 69,000 บาท แล้ววิ่งออกไปขี่จักรยานยนต์ที่จอดติดเครื่องไว้หน้าร้านจำหน่ายรถจักรยานยนต์ซึ่งอยู่ติดกันหลบหนีไป ทั้ง 3 ร้านที่ก่อเหตุ วงจรปิดสามารถบันทึกภาพได้อย่างชัดเจน
หลังก่อเหตุทั้งตำรวจชุดสืบสวนภูธรภาค 3 ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ และชุดสืบ สภ.เมืองบุรีรัมย์ ลงพื้นที่หาข้อมูลเบาะแส แกะรอยภาพจากกล้องวงจรปิดตามเส้นทางต่างๆ จนทราบว่าผู้ก่อเหตุเป็นใคร จึงขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหา จากนั้นนำหมายศาลออกติดตามจับกุมตัวคนร้าย จนสืบทราบว่าคนร้ายนำทองหนัก 50 สตางค์ ที่ได้จากร้านที่สอง ไปขายร้านทองในพื้นที่ อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ ได้เงิน 32,000 บาท ส่วนสร้อยข้อมือ 2 เส้นๆ ละ 1 บาท ที่ได้จากร้านสุดท้าย นำไปขายที่ร้านทองใน อ.เมือง จ.สุรินทร์ ได้เงิน 63,800 บาท
จากนั้นนำรถจักรยานยนต์ซึ่งเป็นยานพาหนะในการก่อเหตุไปจอดทิ้งไว้ที่ บขส.สุรินทร์ แล้วนั่งรถสองแถวไปลงที่ บขส.ศรีขรภูมิ และนั่งรถตู้โดยสารไปลงที่ บขส.อำนาจเจริญ กระทั่งตำรวจได้นำหมายศาลไปติดตามจับกุมตัวที่ จ.อำนาจเจริญ และนำตัวกลับมาท้องที่เกิดเหตุเพื่อดำเนินคดี พร้อมรถจักรยานยนต์สีแดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ที่ใช้ก่อเหตุ
พ.ต.อ.จำรัส ศิริเลี้ยง ผู้กำกับการ สภ.เมืองบุรีรัมย์ กล่าวภายหลังนำตัวผู้ต้องหาทำแผนชี้จุดเกิดเหตุทั้ง 3 ร้านทองว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหารับสารภาพว่าก่อเหตุวิ่งราวทองทั้ง 3 ร้านจริง อ้างว่าก่อเหตุเพราะมีหนี้สินจากการกู้เงินมาสร้างบ้านและซื้อรถ แต่หาเงินใช้หนี้ไม่ทัน และมีลูกน้อยต้องเลี้ยงดู จึงก่อเหตุวิ่งราวทองเพื่อนำไปขาย หวังเอาเงินไปใช้หนี้ แต่สุดท้ายไม่รอด ถูกตำรวจติดตามจับกุมได้ก่อน ส่วนกระแสข่าวที่ว่าคนร้ายติดการพนันออนไลน์จึงก่อเหตุนั้น จากการสอบถามผู้ต้องหายืนยันว่าไม่ได้เล่นการพนันออนไลน์
หลังทำแผนฯ ได้นำตัวผู้ต้องหาส่งให้พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติมประกอบสำนวน เบื้องต้นแจ้งข้อหา “วิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ”.-สำนักข่าวไทย