ก.ศึกษาฯ 19 ธ.ค. – “กัน จอมพลัง” พาเด็ก 14 ปี ถูกไฟคลอกขณะทำกิจกรรมในห้องเรียน ร้องเรียน ก.ศึกษาฯ ช่วย หลังรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม ได้เงินเยียวยามาส่วนหนึ่งไม่เพียงพอ แต่ รร.กลับบอก รอเงินทำบุญจากวัด หรือให้ไปฟ้องเอา ด้าน ศธ.สั่งจัดชุดลงตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว
นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง พาพ่อและเด็กชายอายุ 14 ปี ที่ถูกไฟคลอกใบหน้า หน้าอกและแขน สาหัสรุนแรง มาร้องเรียนให้ ศธ.ช่วยเหลือหลังเด็กชายส่งข้อความและภาพบาดแผลมาให้ตนช่วย โดยได้เปิดแผลที่ถูกไฟไหม้ให้สื่อมวลชนดูพบว่า แขนฝั่งขวาถูกไฟคลอก มีรอยไหม้ และส่วนหนึ่งบริเวณลำตัว และมีอาการยกแขนได้ครึ่งเดียว มีพังผืดอยู่จากบาดแผลไฟไหม้
โดยเล่าว่า เหตุเกิดเมื่อ ก.ค.66 หรือเมื่อ 5 เดือนที่ผ่านมา ที่ รร.ขนาดเล็กแห่งหนึ่งใน จ.สระบุรี รร.มีกิจกรรมในห้องเรียน แต่มีหมุดปักโต๊ะสกปรก ครูให้เอาแอลกอฮอล์มาล้างหมุด เพื่อนคนนึงเอาไฟแชคขึ้นมาเล่น จากนั้นไฟก็เกิดระเบิดขึ้น ช่วงชุลมุนน้องที่บาดเจ็บต้องวิ่งพยายามดับไฟที่ตัว ต้องช่วยกันเอง กลิ้งลงพิ้น และมีเพื่อนอีกคนที่ได้รับบาดเจ็บ หลังเกิดเรื่อง รร.รวบรวมเงินได้ 3.5 หมื่นบาท แต่เด็กทรมานจากการรักษา และต้องรักษาต่อเนื่อง ทางครอบครัวต้องการได้รับการเยียวยาที่ดีกว่านี้ เพราะอยากพาลูกไปรักษาใน รพ.ที่ดีกว่านี้ แต่ทางกรรมการโรงเรียนบอกกับครอบครัวว่าอยากได้เงิน มากกว่านี้ให้ไปฟ้องเอา ซึ่งตนมองว่าพูดแบบนี้ไม่ถูกต้อง
กัน จอมพลัง กล่าวต่อว่า เข้าใจว่าเป็น รร.ขนาดเล็ก อาจจะไม่มีเงินพอจะเยียวยา แต่ควรจะมีกระบวนการสื่อสารที่ดี และรับผิดชอบกว่านี้ ไม่ใช่บอกให้ครอบครัวเด็กไปฟ้องเอา น้องบอกตนว่า น้องอยากกลับมาหายเป็นปกติ และรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมและสงสารพ่อ เพราะพ่อเด็กเป็นภารโรง รร.นี้มา 8 ปี เงินเดือน 8,700 บาท ทำให้ที่ผ่านมาพ่อก็เกรงใจ รร. และก็ไม่แจ้งความ แต่หวังว่า รร.จะรับผิดชอบดีกว่านี้ แต่กลับไม่เป็นอย่างนั้นจึงมาร้องเรียนที่ตน และได้มาร้องที่กระทรวงอยากให้ช่วยหาทางช่วยเหลือเรื่องหาสถานที่เรียนต่อ ไม่ให้เด็กหลุดจากระบบการศึกษา เพราะตอนนี้เด็กอยู่ม.3 ต้องการย้าย รร. ส่วนเรื่องเงินถ้าไม่มีหน่วยไหนจะช่วยจริง ๆ ตนและแฟนคลับจะระดมเงินช่วยเหลือ เบื้องต้นเป็นค่าใช้จ่ายเดินทาง
พ่อของเด็ก เล่าว่า วันเกิดเหตุ ตนก็กำลังอยู่ในโรงเรียน ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้น จึงวิ่งไปดูเห็นลูกตนร้องขอความช่วยเหลือและเป็นคนขับรถพาไปส่ง รพ. ส่วนความรับผิดชอบจากทาง รร.นั้น ได้รับเงินเยียวยาครั้งเดียวจากการรวบรวมช่วยเหลือ 3.5 หมื่นบาท แต่บาดแผลลูกชายไฟไหม้รุนแรง ทำให้ต้องรักษาต่อเนื่องมานานหลายเดือน และยังต้องไปหาหมอทุก 2 สัปดาห์ มีค่าเดินทางเพราะบ้านอยู่ต่างอำเภอ ต้องเข้าไปรักษาใน รพ.ที่ อ.เมืองสระบุรี เมื่อทวงถามการช่วยเหลือเพิ่มเติมจาก รร.ก็ได้คำตอบเพียง รอเงินทำบุญจากวัด ที่ตนออกมาวันนี้เพราะรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม และกังวลว่า แขนขวาลูกชายจะไม่สามารถกลับมาใช้งานได้เหมือนเดิม ยอมรับว่าการออกมาเรียกร้องวันนี้อาจจะกระทบกับงาน แต่อยากให้ลูกได้รับการรักษา ที่ดีกว่านี้
ด้าน ดร.ธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวว่า จะให้หน่วยที่เกี่ยวข้องดูเรื่องที่มีการร้องเรียนมา ทั้งผลกระทบทางร่างกาย และการเยียวยาที่เหมาะสม และจะช่วยประสาน หากต้องการย้าย รร. ส่วนหน้าที่การงานของพ่อเด็กที่กังวลว่า หลังออกมาร้องเรียนแล้วจะกระทบการงานนั้น รับปากจะดูแลไม่ให้เกิดความไม่เป็นธรรมขึ้น และวันนี้จะจัดทีมลงไปดูในพื้นที่ว่า เรื่องเกิดช่วงกรกฎาคม 66 กระบวนการเกิดปัญหาตรงไหน โดยเฉพาะการเยียวยาค่ารักษา รวมถึงประเด็นการตรวจสอบอุปกรณ์ในห้องเรียนวิทยาศาสตร์ ว่ามีความปลอดภัยครบถ้วนหรือไม่. – 417-สำนักข่าวไทย