ผิดหวัง! ให้ข้อมูล “ทักษิณ” รักษาตัวไม่ชัด

รัฐสภา 14 ธ.ค.-กมธ.ตำรวจ ผิดหวัง “ผบ.เรือนจำ-แพทย์ รพ.ราชทัณฑ์” ให้ข้อมูลไม่ชัด เหตุส่ง “ทักษิณ” รักษาตัว รพ.ตร. เผย จะบุกพิสูจน์ชั้น 14 หลังปีใหม่ เป็นของขวัญวันเด็ก เตรียมตั้งกระทู้ถามนายกฯ เหตุรีบออกระเบียบใหม่ราชทัณฑ์ ทำเพื่อใครหรือไม่


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังคณะกรรมการกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีนายชัยชนะ เดชเดโช ประธานคณะกรรมการฯ เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง เรื่องการส่งตัว นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ ว่าเป็นไปตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์หรือไม่ โดยการประชุมใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง

นายชัยชนะ เปิดเผยว่า กรรมาธิการฯ ได้สอบถามถึงกระบวนการและขั้นตอนการรับนายทักษิณ เข้าสู่เรือนจำ และมาตรการในการส่งตัวนายทักษิณไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล รวมถึง งบประมาณที่ใช้ในระหว่างนายทักษิณ รักษาตัว ซึ่งน่าผิดหวังที่ไม่สามารถได้รับคำตอบที่กระจ่างชัดเจนจากทางกรมราชทัณฑ์ โดยอธิบายเพียงว่านักโทษที่เข้าสู่เรือนจำจะต้องกักตัวในแดนแรกรับ 5-10 วัน แต่กรณีของนายทักษิณ ผู้บัญชาการเรือนจำชี้แจงว่าเนื่องจากแพทย์ได้วินิจฉัย ว่าควรจะส่งตัวไปที่ รพ.ตำรวจ แต่รักษาการผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ยืนยันว่าไม่มีการวินิจฉัยดังกล่าว มีเพียงการปรึกษาหารือกันในช่วงกลางคืน ในวันที่นายทักษิณ ถูกส่งตัวเข้าเรือนจำถึงเรื่องโรคประจำตัว พยาบาลจึงได้ต่อสายมาโรงพยาบาลราชทัณฑ์เพื่อปรึกษาข้อมูล แพทย์จึงได้ให้คำแนะนำว่า รพ.ราชทัณฑ์มีเครื่องมือเท่าไหร่ อย่างไรบ้าง เพื่อให้พยาบาลมาวิเคราะห์กับเจ้าหน้าที่พัสดี ว่าควรส่งตัวนายทักษิณ ไปรักษาที่ไหน ซึ่งผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจคือ ผบ.เรือนจำ เบื้องต้นแพทย์แจ้งว่านายทักษิณ มีโรคประจำตัว เป็นโรคความดันโลหิตสูง เส้นเลือดตีบตันและไวรัสตับอักเสบB ซึ่งตนเห็นว่าหากดูจากภาพถ่ายในโซเชียลมีเดีย นายทักษิณไม่น่าจะเป็นโรคไวรัสตับอักเสบB เพราะถ้าเป็นจะดื่มไวน์กับลูกสาวไม่ได้ และล่าสุดก็เห็นว่าเต้นแร็พเตอร์


นายชัยชนะ ยังระบุว่า โดยธรรมเนียมปฏิบัติ กรมราชทัณฑ์จะต้องส่งตัวนักโทษไปยังโรงพยาบาลแม่ข่ายกระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากนักโทษต้องใช้งบประมาณจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) แต่วันนี้กรมราชทัณฑ์ไม่สามารถตอบได้ว่าทำไมนายทักษิณ ถึงถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจชั้น 14 และทำไมถึงไม่ต้องตัดผม เมื่อตอบไม่ได้จึงยุติการประชุม พร้อมขอให้ผู้ที่มีอำนาจในการชี้แจงมาอธิบายต่อกรรมาธิการ จึงได้ทำหนังสือเชิญ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ,ปลัดกระทรวงยุติธรรม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มาร่วมประชุมในครั้งถัดไป พร้อมทั้งทำหนังสือขอเอกสารการทำ MOU ระหว่างกรมราชทัณฑ์กับโรงพยาบาล งบประมาณในการดูแลนักโทษที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาล รวมถึงความเห็นของแพทย์ที่รักษา และวินิจฉัยอาการของนายทักษิณก่อนส่งตัวไปโรงพยาบาล ตลอดจนรายชื่อของเจ้าหน้าที่ทีผลัดเปลี่ยนดูแลนายทักษิณ

“สิ่งที่ทำให้ผิดหวัง คือ เมื่อนักวิชาการของกรมราชทัณฑ์ ยืนยันว่าการรักษาตัวในโรงพยาบาลใช้งบประมาณของ สปสช.เท่ากันทุกคน แต่ทำไมนายทักษิณจึงได้รักษาตัวที่ชั้น 14 ทำไมไม่ได้รับการรักษาตัวเหมือนนักโทษคนอื่น ซึ่งตนเองได้ถามด้วยว่าได้มีการล่ามโซตรวน นายทักษิณกับเตียงนอนของผู้ป่วยหรือไม่ แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบในเรื่องนี้ ดังนั้น หลังจากผู้บังคับบัญชาสูงสุดของแต่ละหน่วยงานมาชี้แจงต่อกรรมาธิการแล้ว กรรมาธิการจะลงพื้นที่ไป รพ.ตำรวจ คาดว่าเป็นช่วงหลังปีใหม่
”นายชัยชนะ กล่าว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าสามารถกำหนดวันลงพื้นที่ได้เลยหรือไม่ เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ทัน เพราะนายทักษิณ อาจออกจาก รพ. ไปคุมขังนอกเรือนจำตามระเบียบใหม่ นายชัยชนะ กล่าวว่า ขณะนี้นายทักษิณยังป่วยอยู่ ถ้าระเบียบใหม่ออกแล้วกลับไปอยู่บ้านเลยมันก็ดูไม่สมจริง แต่ตนก็คิดว่าน่าจะไปลงพื้นที่ รพ.ตำรวจได้ เพื่อเป็นของขวัญวันเด็กให้กับทุกคน แต่คงไม่ได้เข้าไปดูภายในห้องพักของนายทักษิณ แต่จะเข้าไปดูแผนผังของชั้น 14 เป็นอย่างไร มีใครรักษาตัวอย่างบ้าง เนื่องจากการข่าวอ้างว่าในวันที่ส่งตัวนายทักษิณไปโรงพยาบาลตำรวจ ห้องไอซียูเต็ม และตึกที่พักรักษาตัวขณะนี้มีเครื่องหมายเครื่องมือพร้อมเทียบเท่ากับห้องไอซียู เพราะตอนที่นายทักษิณถูกส่งตัวอาการหนักมาก จึงต้องส่งไปที่ชั้น 14 แต่ตนเห็นว่าหากดูจากอาการในช่วงเช้าของวันมอบตัว อาการไม่น่าจะหนัก ยังเดินแข็งแรง โบกมือบ๊ายบายประชาชนได้ แต่พอตกดึกจะตายแบบนี้ไม่ได้


ผู้สื่อข่าวถามว่าในที่ประชุมได้มีการซักถามถึงระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการคุมขังนอกเรือนจำหรือไม่ นายชัยชนะ กล่าวว่ายังไม่ได้มีการพูดคุยไปถึงเรื่องนี้ เนื่องจากในส่วนแรกเจ้าหน้าที่ยังชี้แจงไม่ชัดเจน พร้อมยืนยันว่ากฎกระทรวงยุติธรรม มีการประกาศใช้เมื่อปี 2563 จริง และมีการประการศให้แก้ไขระเบียบกรมราชทัณฑ์ในปี 2564 จริง แต่คณะรัฐมนตรีชุดที่แล้ว ไม่อนุญาตให้ระเบียบดังกล่าวประกาศใช้ แต่กลับมาประกาศในยุครัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ตนก็คิดว่าสังคมไทยน่าจะทราบว่าทำเพื่อใคร จากนี้จะมีการตั้งคำถามในสภาผู้แทนราษฎร จะตั้งกระทู้สดถามนายกรัฐมนตรี ว่ามีเหตุผลอะไรจึงเร่งรีบออกระเบียบฉบับนี้ และทำเพื่อใครหรือไม่.-312.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

กระบะชนต้นไม้

สังเวย 7 ศพ กระบะหักหลบรถรับ-ส่งนักเรียน พุ่งชนต้นไม้

รถกระบะเสียหลักจะชนรถตู้รับ-ส่งนักเรียน คนขับตัดสินใจหักหลบ ทำให้รถพุ่งชนต้นไม้ เสียชีวิต 7 ราย ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 4 คน

สลด! รถทัวร์พาผู้โดยสารกลับจากเที่ยวเบตง ชนต้นไม้ ดับ 8 ราย

รถทัวร์พาผู้โดยสารกลับจากเที่ยว อ.เบตง จ.ยะลา เสียหลักไถลลงร่องกลางถนนชนต้นไม้บนถนนสาย 41 อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี เบื้องต้นเสียชีวิต 8 ราย บาดเจ็บจำนวนมาก

ตักบาตรปีใหม่

ปชช.ร่วมตักบาตรวันปีใหม่ 2568 เพื่อความเป็นสิริมงคล

ประชาชนร่วมกิจกรรมตักบาตร​ รับปีใหม่ 2568 เนืองแน่น​ “สุดาวรรณ” เผยตัวเลขสวดมนต์ข้ามปี กว่า 12 ล้านคน พร้อมเชิญชวนสักการะพระเขี้ยวแก้ว ถึง 14 ก.พ.นี้

ข่าวแนะนำ

เมืองพัทยาเอาจริง เร่งจัดการผู้ลักลอบจุดพลุชายหาด

เมืองพัทยาสั่งแล้ว เร่งจัดการผู้ลักลอบจุดพลุบนชายหาด หลังเกิดเหตุพลุล้ม วิ่งไประเบิดใส่เด็กบาดเจ็บทั่วร่าง ในคืนเคานท์ดาวน์

SET ปิดตลาดซื้อขายวันแรกปี 68 ร่วงลง 20.36 จุด

ดัชนี SET วันแรกของการซื้อขายปี 2568 ปิดที่ 1,379.85 จุด ปรับตัวลดลง 20.36 จุด หรือ 1.45% มูลค่าการซื้อขาย 36,852.83 ล้านบาท ตลาดกังวลนโยบายการค้าระหว่างประเทศ-นโยบายภาษี

สั่งตรวจสอบถนนจุดเกิดเหตุรถทัวร์คว่ำ-กระบะชนต้นไม้

ผู้ว่าฯ สุราษฎร์ฯ สั่งตรวจสอบถนนจุดเกิดเหตุรถทัวร์พลิกคว่ำและกระบะหักหลบรถตู้รับส่งนักเรียนชนต้นไม้ หลังพบเป็นถนนตัดใหม่ การก่อสร้างยังไม่เสร็จสมบูรณ์

บขส.โคราชแน่น คนแห่เข้ากรุง หลังฉลองปีใหม่

บขส.โคราชแน่นต่อเนื่อง แห่ซื้อตั๋วรถโดยสารกลับกรุงเทพฯ คึกคัก ขณะที่ขนส่งจังหวัดฯ ตรวจสารเสพติดพนักงานขับรถเข้ม ป้องกันอุบัติเหตุ