ธปท. เผยแพร่รายงานการประชุม กนง. ครั้งที่ 6/2567

กรุงเทพฯ 2 ม.ค. – ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยแพร่รายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (ฉบับย่อ) ครั้งที่ 6/2567 วันที่ 13 ธ.ค. และ 18 ธ.ค. 2567 ประเมินภาวะเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจไทย ปี 68


ทั้งนี้เศรษฐกิจประเทศคู่ค้ามีแนวโน้มขยายตัวที่ร้อยละ 2.8 และ 2.7 ในปี 2567 และ 2568 ตามลำดับ โดยเผชิญความไม่แน่นอนสูงขึ้นจากแนวนโยบายเศรษฐกิจของประเทศเศรษฐกิจหลัก เศรษฐกิจสหรัฐฯขยายตัวดีโดยมีแรงขับเคลื่อนหลักจากการบริโภคสินค้าและบริการ รวมถึงมีแรงส่งต่อเนื่องไปยังปี 2568 ขณะที่เศรษฐกิจกลุ่มประเทศยุโรปมีแนวโน้มขยายตัวต่ำ ด้านเศรษฐกิจจีนยังขยายตัวได้จากการส่งออกสินค้า รวมทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการผ่อนคลายนโยบายการเงิน เช่นเดียวกับเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศเอเชียที่ขยายตัวต่อเนื่องจากการฟื้นตัวของการส่งออกสินค้า โดยยังได้รับผลดีจากวัฏจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าของไทยมีความไม่แน่นอนสูงขึ้นจากแนวนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อาทิ นโยบายด้านภาษีและนโยบายการตั้งกำแพงภาษีนำเข้า รวมทั้งการตอบโต้ทางการค้าของแต่ละประเทศ ซึ่งจะส่งผลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลกผ่านการลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ นอกจากนี้ ต้องติดตามความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ เช่น ความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลางที่อาจขยายวงกว้างขึ้น

ภายหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตลาดการเงินสหรัฐฯ ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับตลาดการเงินภูมิภาค ราคาสินทรัพย์เสี่ยงของสหรัฐฯ และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ปรับเพิ่มขึ้น ขณะที่ความกังวลต่อแนวนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ รวมถึงผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศ สร้างแรงกดดันต่อราคาสินทรัพย์และเงินทุนเคลื่อนย้ายในกลุ่มประเทศภูมิภาค โดยเงินทุนเคลื่อนย้ายไหลออกในเกือบทุกประเทศทั้งในตลาดพันธบัตรและตลาดหุ้น และค่าเงินสกุลภูมิภาคปรับอ่อนค่า ด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐ ปรับอ่อนค่านำสกุลเงินภูมิภาคจากความเชื่อมโยงทางการค้ากับจีนที่อยู่ในระดับสูง และการเคลื่อนไหวของราคาทองคำที่ส่งผลต่อค่าเงินบาทในบางจังหวะ


ด้านภาวะเศรษฐกิจไทย เผชิญความท้าทายจากการแข่งขันจากภายนอกที่รุนแรงขึ้น และความไม่แน่นอนในระยะข้างหน้าที่สูงขึ้น แต่ยังสามารถขยายตัวได้ใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวที่ร้อยละ 2.7 และ 2.9 ในปี 2567 และ 2568 ตามลำดับ โดยมีแรงสนับสนุนสำคัญจาก (1) ภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวต่อเนื่องตามจำนวนนักท่องเที่ยวและค่าใช้จ่ายต่อหัวที่เพิ่มขึ้น คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะอยู่ที่ 36.0 ล้านคน และ 39.5 ล้านคน ในปี 2567 และ 2568 ตามลำดับ (2) การบริโภคภาคเอกชนที่แม้ชะลอลงแต่มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง และ (3) การส่งออกสินค้าหมวดอิเล็กทรอนิกส์และหมวดเครื่องจักรที่มีแนวโน้มปรับดีขึ้นตามวัฏจักรสินค้าเทคโนโลยี ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนคาดว่าจะกลับมาขยายตัวได้ในปี 2568 สอดคล้องกับมูลค่าการออกบัตรส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) อย่างไรก็ดี การขยายตัวของเศรษฐกิจมีความแตกต่างกันในแต่ละภาคส่วนมากขึ้น โดยกลุ่มที่ฟื้นตัวดีในช่วงที่ผ่านมามีพัฒนาการปรับดีขึ้น ได้แก่ (1) ภาคบริการที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวขยายตัวได้ต่อเนื่อง เช่น โรงแรม ร้านอาหาร และร้านค้า และ (2) กลุ่มสินค้าส่งออกที่ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากวัฏจักรสินค้าหมวดอิเล็กทรอนิกส์ เช่น กลุ่มฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ที่ได้รับประโยชน์จากธุรกิจ data center และกลุ่มอุปกรณ์ transformer ที่เป็นส่วนประกอบที่ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ตามสัดส่วนการใช้งานที่มากขึ้น ขณะที่กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับยานยนต์ที่ยังหดตัวต่อเนื่อง โดยในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2567 การผลิตรถยนต์ปรับลดลง 19% เทียบปีก่อนหน้า สาเหตุมาจากทั้งปัจจัยเชิงโครงสร้างและปัจจัยเชิงวัฏจักร เช่น การปรับเปลี่ยนไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า ราคารถยนต์มือสองที่ปรับลดลงมากจนทำให้ผู้บริโภคที่ต้องการขายรถเก่าเพื่อใช้เป็นเงินดาวน์ชะลอการซื้อ ประกอบกับสถาบันการเงินเพิ่มความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อจากความเสี่ยงในการปล่อยกู้ที่สูงขึ้นโดยเฉพาะความเสี่ยงจากขาดทุนจากมูลค่าหลักประกันที่ลดลง

ในระยะข้างหน้า เศรษฐกิจไทยมีความไม่แน่นอนสูงขึ้น จากนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในระยะสั้น การส่งออกสินค้าไทยอาจเร่งขึ้นก่อนที่นโยบายจะมีผลบังคับใช้ สำหรับในระยะปานกลาง ผลกระทบต่อการส่งออกและการลงทุนของไทยมีความไม่แน่นอนขึ้นกับความเป็นไปได้ของการย้ายฐานการผลิต และความสามารถในการแข่งขันกับจีนทั้งตลาดในประเทศและตลาดภูมิภาค นอกจากนี้ ภาคการส่งออกสินค้าอาจเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยได้น้อยลงกว่าในอดีต เนื่องจากสินค้าส่งออกบางกลุ่มมีมูลค่าเพิ่ม (value added) ลดลง เช่น โลหะ ยางและพลาสติก และปิโตรเลียม รวมถึงการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการส่งออกจากสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มสูง เช่น รถยนต์สันดาป ซึ่งมีสัดส่วนการใช้วัตถุดิบ

อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2567 และ 2568 คาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 0.4 และ 1.1 ตามลำดับ โดยอัตราเงินเฟ้อหมวดพลังงานมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ด้านอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานคาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 0.6 และ 1.0 ในปี 2567 และ 2568 ตามลำดับทิศทางปรับเพิ่มขึ้นตามแนวโน้มเศรษฐกิจและการส่งผ่านต้นทุนในหมวดอาหาร ในระยะข้างหน้า อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มทรงตัวอยู่ใกล้เคียงขอบล่างของกรอบเป้าหมาย ซึ่งสะท้อนปัจจัยด้านอุปทานรวมทั้งมาตรการภาครัฐเป็นสำคัญ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ในระยะปานกลางยังยึดเหนี่ยวอยู่ในกรอบเป้าหมาย ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจและยังช่วยให้ระดับราคาสินค้าและบริการที่สูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมาไม่ปรับเพิ่มขึ้นมาก จึงช่วยบรรเทาค่าครองชีพโดยเฉพาะของกลุ่มครัวเรือนที่รายได้ฟื้นตัวช้า สินเชื่อชะลอลงในช่วงที่ผ่านมาจากความต้องการลงทุนในบางสาขาธุรกิจที่ลดลง การชำระคืนหนี้ที่กู้ยืมไปในช่วงวิกฤตโควิด-19 และความเสี่ยงด้านเครดิตที่อยู่ในระดับสูง อาทิ สินเชื่อของธุรกิจในภาคบริการที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวขยายตัวชะลอลงจากความต้องการสินเชื่อลดลงตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น และธุรกิจบางส่วนชำระคืนหนี้ที่เร่งกู้ในช่วงวิกฤตโควิด-19 ต่อเนื่อง โดยกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคบริการดังกล่าว ในช่วงที่ผ่านมาขยายตัวได้สูงและมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจไทย ในปี 2568 (คิดเป็นร้อยละ 1.9 จากประมาณการเศรษฐกิจในปี 2568 ที่ร้อยละ 2.9) ขณะที่สินเชื่อธุรกิจSMEs และธุรกิจในภาคอุตสาหกรรมที่การแข่งขันรุนแรงขึ้น หดตัวส่วนหนึ่งตามความเสี่ยงด้านเครดิตที่อยู่ในระดับสูง โดยต้องติดตามผลกระทบของสินเชื่อที่ลดลงต่อการดำเนินธุรกิจในภาคส่วนดังกล่าว รวมถึงผลกระทบที่อาจมีต่อเนื่องไปยังเศรษฐกิจโดยรวม ด้านสินเชื่อรายย่อยชะลอลง และคุณภาพสินเชื่อรายย่อยปรับด้อยลงโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่รายได้ฟื้นตัวช้าและภาระหนี้สูง


ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ กังวลการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยที่แตกต่างกันมากขึ้น แม้ภาพรวมเศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวตามที่ประเมินไว้ โดยการท่องเที่ยวและบริการมีแนวโน้มขยายตัวดีสอดคล้องความต้องการท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียที่ยังเพิ่มขึ้น รวมทั้งการส่งออกสินค้ามีแนวโน้มปรับดีขึ้นจากสินค้าหมวดอิเล็กทรอนิกส์และหมวดเครื่องจักร แต่การผลิตและการส่งออกสินค้าบางหมวดยังเผชิญแรงกดดันอย่างต่อเนื่อง โดย (1) ธุรกิจยานยนต์และชิ้นส่วน มีพัฒนาการแย่ลงจากการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงขึ้น ราคารถมือหนึ่งที่ลดลงมีส่วนกดดันให้ราคารถมือสองลดลงด้วย ส่งผลต่อเนื่องให้สถาบันการเงินระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อจากความเสี่ยงด้านเครดิตที่เพิ่มขึ้นจากมูลค่าหลักประกันที่ลดลง ยอดขายรถยนต์ในประเทศจึงชะลอลงแรง และส่งผลกระทบต่อธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และ (2) การส่งออกสินค้าไทยได้รับผลกระทบจากการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นจากจีน เช่น เคมีภัณฑ์ โลหะ และเครื่องใช้ไฟฟ้า จึงต้องติดตามพัฒนาการของอุตสาหกรรมดังกล่าว รวมทั้งผลกระทบที่อาจมีต่อเนื่องไปยังภาคการผลิต ตลาดแรงงาน และนัยต่อเศรษฐกิจในภาพรวม

คณะกรรมการฯ เห็นว่าแม้การขยายตัวของสินเชื่อธุรกิจปรับลดลง แต่เศรษฐกิจโดยรวมยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ เนื่องจากธุรกิจในภาคบริการที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจในปี 2568 มีการใช้สินเชื่อลดลง ตามความต้องการลงทุนที่ชะลอลงและการชำระคืนหนี้ตามรายได้ที่ปรับดีขึ้น แต่ยังต้องติดตามคุณภาพและแนวโน้มการขยายตัวของสินเชื่อธุรกิจที่ฟื้นตัวช้า รวมถึงนัยต่อเศรษฐกิจในภาพรวม โดยเฉพาะธุรกิจ SMEs และธุรกิจในภาคอุตสาหกรรมที่การแข่งขันรุนแรงขึ้น รายได้ที่ฟื้นตัวช้าและความเสี่ยงด้านเครดิตที่อยู่ในระดับสูง ส่งผลให้สถาบันการเงินระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อให้กับกลุ่มข้างต้น จึงต้องติดตามผลกระทบของแนวโน้มสินเชื่อต่อการดำเนินธุรกิจของกลุ่มธุรกิจที่ฟื้นตัวช้า รวมถึงผลกระทบที่อาจมีต่อเนื่องไปยังภาวะการเงินและเศรษฐกิจโดยรวม

คณะกรรมการฯ เห็นว่ากระบวนการปรับลดสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อรายได้ (household debt deleveraging) ควรดำเนินต่อเนื่อง จะช่วยลดความเสี่ยงด้านเสถียรภาพระบบการเงินในระยะยาว แต่ต้องติดตามคุณภาพสินเชื่อของกลุ่มเปราะบางที่ปรับด้อยลง โดยเฉพาะสินเชื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ เนื่องจากเป็นทรัพย์สินที่มีความจำเป็นในการดำรงชีวิตและการประกอบอาชีพ ส่วนใหญ่ถูกใช้เป็นหลักประกันในการกู้ยืม ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ เห็นควรให้ติดตามผลกระทบของคุณภาพสินเชื่อต่อเศรษฐกิจโดยรวม รวมทั้งผลของมาตรการ “คุณสู้ เราช่วย” ของภาครัฐที่จะช่วยบรรเทาภาระหนี้ให้กับกลุ่มเปราะบาง

เศรษฐกิจไทยมีความไม่แน่นอนสูงขึ้นในระยะข้างหน้า โดยนโยบายเศรษฐกิจด้านต่าง ๆ ทั้งนโยบายภาษีและนโยบายการตั้งกำแพงภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่ยังมีความไม่แน่นอนสูงทั้งความเข้มของนโยบายและเวลาการเริ่มบังคับใช้ จึงยังไม่มีความชัดเจนเพียงพอที่จะประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย ดังนั้น การดำเนินนโยบายการเงินที่เหมาะสมจึงควรรักษาขีดความสามารถของนโยบายเพื่อให้สามารถรองรับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ (robust policy) และพิจารณาผสมผสานเครื่องมือเชิงนโยบายให้เหมาะสมกับพัฒนาการที่เกิดขึ้น

คณะกรรมการฯ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 2.25 ต่อปี การขยายตัวของเศรษฐกิจมีความแตกต่างกันในแต่ละภาคส่วน โดยเผชิญความท้าทายจากการแข่งขันจากภายนอกที่รุนแรงขึ้น และความไม่แน่นอนในระยะข้างหน้าที่สูงขึ้น แต่ยังสามารถขยายตัวที่ร้อยละ 2.7 และ 2.9 ในปี 2567 และ 2568 ตามลำดับ ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 0.4 และ 1.1 ในปี 2567 และ 2568 ตามลำดับ และอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ในระยะปานกลางยังยึดเหนี่ยวอยู่ในกรอบเป้าหมาย ในช่วงที่ผ่านมา สินเชื่อชะลอลงจากหลายปัจจัย ทั้งความต้องการลงทุนในบางสาขาธุรกิจที่ลดลงการชำระคืนหนี้ที่กู้ยืมไปในช่วงวิกฤตโควิด-19 และความเสี่ยงด้านเครดิตที่อยู่ในระดับสูง โดยเศรษฐกิจในภาพรวมยังขยายตัวได้ใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ แม้สินเชื่อมีแนวโน้มชะลอลงบ้าง

คณะกรรมการฯ เห็นว่าอัตราดอกเบี้ยควรอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับจุดยืนของนโยบายการเงินที่เป็นกลาง สอดคล้องกับเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มขยายตัวใกล้เคียงกับศักยภาพเงินเฟ้อที่โน้มเข้าสู่กรอบเป้าหมาย และการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินในระยะยาว ทั้งนี้ ประเมินว่าการรักษาขีดความสามารถของนโยบายการเงิน (policy space) มีความจำเป็นเพิ่มขึ้นภายใต้ความไม่แน่นอนที่สูงขึ้น โดยนโยบายเศรษฐกิจของประเทศเศรษฐกิจหลักยังมีความไม่แน่นอนสูง จึงยังไม่มีความชัดเจนเพียงพอที่จะประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย นอกจากนี้ นโยบายการเงินจะมีประสิทธิผลลดลงภายใต้ภาวะที่ความไม่แน่นอนสูง เนื่องจากธุรกิจอาจชะลอการจ้างงานหรือการลงทุน ดังนั้น การรักษาขีดความสามารถของนโยบายการเงินเพื่อตอบสนองในช่วงเวลาที่เหมาะสมจึงมีความจำเป็นเพื่อให้นโยบายการเงินเกิดประสิทธิผลสูงสุด.-516-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตร.เร่งขยายผลปมอธิการบดี ม.ดัง ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น

สน.บางซื่อ 12 ก.ย. – อธิการบดีมหาวิทยาลัยชื่อดัง กลายเป็นเหยื่อมิจฉาชีพออนไลน์ ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น สูญเงินกว่า 38 ล้านบาท ตำรวจนครบาลเร่งสอบสวน อายัดเงินทันกว่า 3 ล้านบาท ขยายผลโยงบัญชีม้ากว่า 20 บัญชี จากกรณีอธิการบดีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ถูกเครือข่ายมิจฉาชีพหลอกลงทุน เสียหายกว่า 38 ล้านบาท พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 และ พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางมาร่วมสอบปากคำผู้เสียหายด้วยตัวเอง ที่สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ ช่วงเที่ยงที่ผ่านมา พล.ต.ต.พัลลภ เปิดเผยว่า จากกรณีดังกล่าว พนักงานธนาคารได้ตรวจพบความผิดปกติการถอนเงินจากบัญชีผู้เสียหาย แล้วโอนเงินไปยังบัญชีอื่น 3 บัญชี ซึ่งเป็นบัญชีนิติบุคคล หรือบริษัท เป็นจำนวนเงินกว่า 1 ล้าน 9 แสนบาท จึงได้อายัดไว้ก่อนและติดต่อจากศูนย์ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบไปยังผู้เสียหาย ก่อนทราบว่าผู้เสียหายได้เอาเงินไปลงทุนเทรดหุ้น พร้อมให้ผู้เสียหายตรวจสอบว่า เงินที่โอนไปลงทุนนั้นสามารถถอนออกจากบัญชีในระบบบริษัทได้หรือไม่ ปรากฏว่าผู้เสียหายไม่สามารถถอนเงินได้ เจ้าหน้าที่จึงแน่ใจว่าถูกเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง […]

“เฉลิมชัย” ไขก๊อกหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว

พรรคประชาธิปัตย์ 12 ก.ย.-“เฉลิมชัย” ไขก๊อกจากหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว ด้าน “ชัยชนะ” ยันไม่มีขัดแย้ง ในพรรครักกันดี ไม่มีแพแตก นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ยื่นหนังสือลาออกจากหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ว่า ตนก็เพิ่งทราบข่าว โดยไม่ได้มีการบอกกล่าวล่วงหน้ามาก่อน แต่ยืนยันว่าในพรรคไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งอะไร รักกันดี ทุกคนแต่การตัดสินใจลาออกครั้งนี้เป็นอย่างไรต้องไปถามนายเฉลิมชัยเอง แต่ยืนยันว่า หัวหน้าพรรคกรรมการบริหารพรรค ทุกคนมีความรักใคร่กันดี และตนเชื่อว่านายเฉลิมชัยก็เป็นคนหนึ่งที่รักพรรคประชาธิปัตย์ และทำงานให้กับพรรคมาโดยตลอด ซึ่งตนก็รู้สึกเสียดายและใจหายซึ่งที่ผ่านมานายเฉลิมชัย ก็ไม่ได้ส่งสัญญาณหรือบอกอะไร สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ จะดำเนินการอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า ก็ต้องดำเนินการตามข้อบังคับพรรคและตามกฎหมาย โดยต้องเรียกประชุมวิสามัญ เพื่อนเลือก หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคใหม่เมื่อถามว่าบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องทำหน้าที่กันต่อไป ส่วนกรรมการบริหารพรรคก็มาเลือกคัดสรรกันใหม่ และหลังจากนี้ต้องรอดูว่าใครจะเข้ามาบริหารพรรค และกำหนดนโยบายทิศทางพรรคอย่างไร แต่ตนก็เป็นสมาชิกพรรคคนหนึ่งที่ยังยืนหยัด อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อถามว่าการที่นายเฉลิมชัย ลาออกตอนนี้ เป็นสัญญาณอะไรหรือไม่เนื่องจาก มีไทม์ไลน์ จะยุบสภา ภายใน สี่ เดือน จะไปสังกัดพรรคอื่นหรือไม่ ได้ชัยชนะกล่าวว่าอย่ามองเช่นนั้น เพราะตนเชื่อว่านายเฉลิมชัย […]

“รมต.สุชาติ​” ตั้งสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน-​สีกา

ทำเนียบ 12 ก.ย.- “รมต.สุชาติ​” ตั้งคณะกรรมการสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน​-​สีกา​ หลังถูกร้องสะพัดว่อนโซเชียล​ คาด​ไม่เกิน​ 1 สัปดาห์รู้ผล​ ย้ำให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย นายสุชาติ​ ตันเจริญ​ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเปิดเผยว่า​ มีข้อร้องเรียน ถึงพฤติกรรมของเจ้าอาวาส วัดโสธรวรารามวรวิหาร เกี่ยวกับการประพฤติปฏิบัติไม่ถูกต้อง เข้าข่ายกระทำความผิดพระธรรมวินัย อีกทั้งยังมีข้อมูลเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ โดยการร้องเรียนเป็นเรื่องทรัพย์สินและเรื่องสีกา ซึ่งเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ เป็นเจ้าคณะจังหวัด และเป็นพระสังฆาธิการด้วย ดังนั้นจึงต้องให้ความเป็นธรรม ทั้งกับผู้ร้องและประชาชน รวมถึงตัวเจ้าอาวาสด้วย เพราะหากไม่เป็นความจริงจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ตนจึงได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นประธาน​ ตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบหาข้อเท็จจริงให้ปรากฏ​ โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูง​ รวมถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด ​ และให้ผู้ตรวจของสำนักนายกรัฐมนตรีเข้าไปเป็นคณะกรรมการด้วย เพราะไม่ทราบว่าในโลกออนไลน์พูดเพื่อความสนุกสนานหรือไม่ แต่ยอมรับว่าตนก็ได้ยินเรื่องนี้มานาน มีเค้าโครง​ ยืนยันว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และให้ผู้ร้องสบายใจ​ แต่หากเจ้าอาวาสทำผิดก็ต้องแบบว่าไปตามระเบียบกฎหมาย และต้องแจ้งให้สำนักงานพระพุทธศาสนาดำเนินการต่อไป เมื่อถามว่าวางกรอบระยะเวลาการตรวจสอบไว้เท่าใด นายสุชาติ​ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้วาง แต่คาดว่าไม่น่าจะเกิน 1 สัปดาห์ เพราะจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นพื้นที่ของตน ถ้าไม่ทำก็ไม่ได้ และตนก็เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ประชาชนเลือกมาเป็นผู้แทน […]

นายกฯ โต้ข่าวเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา เชื่อปชช.เข้าใจ

เมืองทองธานี 12 ก.ย.- นายกฯ โต้ข่าว เปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา บอก ขอเป็นรัฐบาลอย่างเป็นทางการก่อน ชี้ ขั้นตอนยังมีอีกเยอะ เชื่อประชาชนเข้าใจ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสความชัดเจนในการเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ทำไมข่าวออกไปอย่างนั้นก็ไม่รู้ ไปบิดเบือน เท่าที่ตนดู พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ก็ยังไม่ได้พูดอะไรชัดเจนขนาดนั้น ต้องคำนึงถึงประชาชนคนไทยเป็นหลักก่อนอยู่แล้ว เมื่อถามถึง กระแสการต่อต้านการเปิดด่าน นายกรัฐมนตรีระบุ ขอให้ตนเข้าไปรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้เรายังไม่สามารถให้นโยบายอะไรได้ และการกระทำต่างๆ ยังถือว่าอยู่ภายใต้รัฐบาลปัจจุบันอยู่ ยังไม่ใช่รัฐบาลของตน เมื่อถามต่อว่า ท่าทีของ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาค 2 และ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ที่คัดค้านการเปิดด่าน เพราะอาจจะเป็นการส่งเสริมบ่อนการพนันและสแกมเมอร์ นายอนุทิน กล่าวว่า เท่าที่ตนทราบไม่ได้อยู่ดี ๆ จะไปเปิดด่านได้เลย เพราะต้องมีการบรรลุข้อตกลงอะไรอีกเยอะแยะ เมื่อปฏิบัติ ซึ่งต้องรอคณะรัฐบาลของตนเข้าปฏิบัติที่อย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้ตนยังไม่สามารถไปสั่งการหรือให้นโยบายอะไรได้ เมื่อถามว่า […]

ข่าวแนะนำ

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

บ.เรือด่วนเจ้าพระยา แถลงเหตุไฟไหม้เรือด่วน คาดไฟฟ้าลัดวงจร

14 ก.ย. – บริษัท เรือด่วนเจ้าพระยา แถลงการณ์เหตุเพลิงไหม้เรือด่วน มีเรือได้รับความเสียหายหนัก 2 ลำ เสียหายเล็กน้อย 1 ลำ และไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือสูญเสีย คาดสาเหตุจากไฟฟ้าลัดวงจร เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2568 เวลาประมาณ 18.36 น. ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้เรือด่วนที่จอดเรียงติดกัน จำนวน 3 ลำ โดยมีเรือที่ได้รับความเสียหายหนักจำนวน 2 ลำ และได้รับความเสียหายเล็กน้อย 1 ลำ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังจากที่เรือได้จอดเลิกงานตามปกติแล้ว บริษัทฯ ขอเรียนชี้แจงว่า ขณะเกิดเหตุนั้น ไม่มีผู้โดยสารหรือพนักงานอยู่บนเรือ จึงทำให้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือสูญเสียแต่อย่างใด จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าสาเหตุเกิดจากไฟฟ้าที่ต่อจากท่าเรือไปชาร์จแบตเตอรี่ในเรือต้นเพลิงลัดวงจร โดยเรือทั้งหมดได้เข้ามาจอดเลิกงานเวลา 18.15 น. และไม่ได้อยู่ระหว่างให้บริการ เมื่อเกิดเหตุ พนักงานประจำพื้นที่ได้เข้าดับเพลิงเบื้องต้นทันที พร้อมทั้งประสานงานกับเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้าควบคุมสถานการณ์ และสามารถควบคุมเพลิงได้ภายในระยะเวลา 45 นาที ขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียดอย่างรอบคอบร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อยืนยันสาเหตุที่แท้จริง และเพื่อวางมาตรการป้องกันที่เข้มงวดยิ่งขึ้นในอนาคต บริษัทฯ ขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้น […]

เพื่อไทยขอบคุณทุกคะแนนเสียง หลัง “สง่า” คว้าชัยเลือกตั้งซ่อม สส.เชียงราย

กรุงเทพฯ 14 ก.ย. – พรรคเพื่อไทย ขอบคุณทุกคะแนนเสียงจากประชาชน หลังผลเลือกตั้งซ่อม สส. เขต 7 เชียงราย อย่างไม่เป็นทางการ “สง่า” ชนะขาด “สุทัศน์” จากพรรคประชาชน เพจเฟซบุ๊กพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความภายหลังผลการเลือกตั้งซ่อม สส.เชียงราย เขต 7 อย่างไม่เป็นทางการ ปรากฏว่า นายสง่า พรมเมือง ผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย หมายเลข 1 ชนะขาดนายสุทัศน์ ยาละ ผู้สมัครของพรรคประชาชน หมายเลข 2 โดยระบุว่า พรรคเพื่อไทย ขอขอบคุณทุกคะแนนเสียงของพี่น้องประชาชน ที่ให้ความไว้วางใจเลือกผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เชียงราย จากพรรคเพื่อไทย ทีมงานทุกคน พร้อมเดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างโอกาสให้กับพี่น้องประชาชนทุกพื้นที่ เพื่อชีวิตที่ดี เพื่อไทยทุกคน.-316-สำนักข่าวไทย

“เพื่อไทย” คว้าชัยเลือกตั้งซ่อม สส. เขต 7 เชียงราย

เชียงราย 14 ก.ย. – ผลคะแนนเลือกตั้ง สส. เขต 7 เชียงราย อย่างไม่เป็นทางการ ณ เวลา 19.39 น. “สง่า พรมเมือง” พรรคเพื่อไทย คะแนนนำโด่งทิ้งคู่แข่ง “สุทัศน์ ยาละ” พรรคประชาชน กว่า 2 หมื่นคะแนน ขณะที่เพจเฟซบุ๊กพรรคเพื่อไทย โพสต์ขอบคุณประชาชนเทคะแนนให้ “สง่า” คว้าชัย วันที่ 14 ก.ย.68 เวลา 19.39 น. ที่ศูนย์รวมคะแนนประจำเขตเลือกตั้งที่ 7 อ.แม่จัน จ.เชียงราย ผู้สื่อข่าวรายงานการเลือกตั้งซ่อม สส.เชียงราย เขตเลือกตั้งที่ 7 แทนตำแหน่งที่ว่าง ภายหลังปิดหีบลงคะแนนเมื่อเวลา 17.00 น. จากนั้นเริ่มนับคะแนน โดยสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงราย รายงานเมื่อเวลา เวลา 19.39 น. พบว่า นายสง่า พรมเมือง […]