“ทักษิณ” แนะดึงนักลงทุนต่างชาติแก้ปัญหาเศรษฐกิจ

พญาไท 9 ก.ค. – “ทักษิณ” แนะดึงนักลงทุนต่างชาติแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เสริมตั้ง AMC แก้หนี้ ดันซอฟต์พาวเวอร์ลงทุนครัวเรือน เร่งลงทุน AI เพื่อการศึกษา สวน “อนุทิน” เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ยังไม่เกิด นักท่องเที่ยวจีนลดได้ไง เชื่อเจรจาภาษีทรัมป์โอกาสเปิดกว้าง


นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวในเวที “55 ปี เนชั่น ผ่าทางตันประเทศไทย Chapter 1” ณ โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท ถึงประเด็นปัญหาเศรษฐกิจในวันนี้ว่า สถานการณ์เศรษฐกิจหนัก รัฐบาลนี้เข้ามาต้องเผชิญกับภาวะหนี้ต่อจีดีพีสูงมาก รวมทั้งหนี้เอสเอ็มอี และหนี้ครัวเรือนก็สูงมาก ทำให้การลงทุนใหม่เกิดขึ้นยาก ดังนั้น การดึงเงินลงทุนในไทย อย่างสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ (UAE) สนใจลงทุนในประเทศ เช่น โครงการซูเปอร์กริด ที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่ลงทุนพลังงานสะอาดที่จะควบคุมการรั่วไหลของไฟฟ้า และอยากให้มีการลงทุนในโครงการประเภทนี้ โดยโครงการนี้การไฟฟ้าของเรา ทั้งการไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ยังไม่อยากทำ นอกจากนั้นยังมีการถมทะเลเอาเอกชนมาลงทุน ทำให้เกิดวงจรการก่อสร้างใหม่ๆ “ประเทศไทยต้องพัฒนาตัวเองต้องลงทุนมากๆ ดึงเอกชนเข้ามาช่วยลงทุน”

ทำไมของเราถึงพูดเรื่องซูเปอร์กริต แต่ไม่ดำเนินการทันที นายทักษิณ เผยว่า 1.ไม่มีเงิน ไม่อยากลงทุนมาก 2.การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและการไฟฟ้านครหลวง ไม่อยากลงทุน ไม่อยากทำ เขาอาจจะยังไม่มีทางออก ต้องคุยกันว่าอย่างนี้จะเอาไหม


นายทักษิณ เผยอีกว่า ไทยต้องพัฒนาตัวเองต้องลงทุน ภาครัฐหรือภาคเอกชนมาลงทุน ต้องเตรียมตัว 2 ส่วน เรื่องทฤษฎีสร้างสรรค์ใช้ซอฟต์พาวเวอร์ขับเคลื่อนอย่างจริงจัง ในสมัยนี้ยากขึ้น เพราะระบบราชการขับเคลื่อนยาก คนไทยมีฝีมือเราสามารถทำได้และนำไปสู่ตลาดโลก ทั้งระยะสั้นและระยะยาว ส่วนอีกเรื่องคือ ai ระบบการศึกษาไทยแก้ช่วงข้ามคืนไม่ได้ แต่ ai เรียนลักได้เลย เราทำระบบอบรมโดยไม่มีครู ให้กระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ช่วยทำ เราจะเปิดให้บริการฟรีไม่ได้ เพราะจะเสียเงินฟรี ระบบ ai ทำให้คนหูตากว้างขึ้น ฉลาดขึ้น มีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น วันนี้ ai เข้ามาช่วยมนุษย์ แต่กำลังมาแทนมนุษย์ที่ไม่เอาไหน ไม่คิดจะปรับตัว ไม่คิดจะเรียนรู้ ซึ่งตนก็ได้มอบแนวทางและคำปรึกษาให้มาคุยกันว่าจะเริ่มต้นอย่างไร ตนคุยเรื่องงบประมาณว่าจะทำได้แค่ไหน เทคโนโลยีและเศรษฐกิจสร้างสรรค์จะต้องทำพร้อมกัน

เมื่อถามถึงภาษีทรัมป์ ให้เลิกคบสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา แล้วมาคบโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ใช่หรือไม่ นายทักษิณ เผยว่า ทรัมป์เป็นนักธุรกิจ วิธีการคือเหมือนบริษัทใหญ่ๆ ที่มีอำนาจต่อรองสูง ยื่นเงื่อนไขสูงสุดแต่ไม่ได้หมายความว่าจะจบ จะต้องต่อรองได้ “โยนให้ติดพุงแล้วค่อยคุย” จดหมายวันที่ 7 ก.ค. ออกมาจากทำเนียบขาว แต่เอกสารที่ต้องปรับปรุงรายละเอียดไม่พอก็ต้องนำกลับมาแล้วเราก็ใส่กลับไป แต่ไปถึงอีกหน่วยงานหนึ่งไม่ถึงทำเนียบขาว เราต้องเจรจาต่อ

เมื่อถามว่าเรายังมีห้วงเวลาในการเจรจาเหลือแค่วันที่ 1 สิงหาคมนั้น นายทักษิณ เผยว่า ไม่เป็นไรก็ทำเท่าที่ได้ ถ้าเราเร่งเจรจาและยอมทำทุกอย่าง เหมือนแก้ผ้าเราก็จะถูกชำเราฟรี ส่วนจะมีโอกาสแค่ไหนนั้น วันนี้เราส่งไปแล้วเราก็ต้องติดตามกันต่อไป วันนี้เราต้องหาทางถอย ให้ทุกอย่างก็ไม่ไหว ให้เท่าที่ไม่เสียหาย


อีกทั้งเราส่งออกไปสหรัฐ 3 ส่วนใหญ่ๆ ส่วนที่หนึ่ง สินค้าที่บริษัทสหรัฐมาจ้างทำที่เมืองไทย ทำเองบ้างตั้งบริษัทเอง และส่งกลับไปที่สหรัฐ เราได้ค่าแรงค่าวัตถุดิบนิดหน่อย ถ้าส่วนนี้ต้นทุน 100 เขาจะต้องขายมากกว่า 136 ดังนั้น การจะย้ายฐานการผลิตบางอย่างย้ายยากมาก เพราะคนไทยทำมาหลาย 10 ปี กว่าจะกลับไปเทรน ต้องใช้เวลานาน เขาจึงไม่ไปต้องรับสภาพค่าใช้จ่าย

ส่วนที่สอง กลุ่มที่ชิ้นส่วนมาจากจีนประกอบในไทยและส่งไปขายสหรัฐ เป็นอีกหนึ่งในสามที่เราส่งออก สิ่งนี้เกินดุลสหรัฐ แต่ไปขาดดุลที่จีน หากส่วนนี้หายไปเราจะไม่เกินดุลที่สหรัฐ ไม่เดือดร้อน

ส่วนที่สาม สินค้าเกษตร เราจะเดือดร้อนถ้าเราจะปกป้องส่วนนี้ เราต้องดูว่าเราจะเปิดแต่ถูกกระทืบถึงที่ก็ไม่ได้ ต้องลงรายละเอียด และส่วนสามคือส่วนที่เราต้องปกป้อง เราจะยอมในสิ่งที่เป็นไปได้ เราต้องคิดว่าคุณขายสินค้าให้เราเราเก็บภาษีแต่คุณขายบริการกับเรา เราไม่เก็บภาษี แพลตฟอร์มต่างๆ ก็ไม่มีการเก็บภาษี เพราะไม่คุ้ม Streaming จึงไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ภาษีเท่าไร “ยักษ์เล็กสู้ยักษ์ใหญ่ไม่ เราไม่สู้ แต่เราขอความยุติธรรม เราเสียทุกอย่างคุณก็เสียบ้างสิ แค่นั้นเอง”

สำหรับปัจจัยหนึ่งที่การเจรจาหลายๆ ประเทศไม่สำเร็จ เกี่ยวกับเรื่องของ Geometric ด้วยหรือไม่ เพราะสิ่งที่เขาอยากเห็นว่าเรามีระยะห่างกับจีนแค่ไหนถึงจะได้ลดภาษี เราจะบริหารอย่างไร นายทักษิณ ย้ำว่า อย่าตกใจ ถ้าตกใจจะขาดสติ จะทำให้เรายอม ใจเย็นๆ เราเลือกเท่าที่ทำได้ เขาขอบางอย่างที่ไม่ได้เกี่ยวกับเศรษฐกิจแต่เกี่ยวกับความมั่นคง เราต้องคิดว่าขอแบบนี้นำสงครามมาบ้านเราก็ไม่เอา ตนกลัวจะเป็นยูเครนไม่เอา

ส่วนมีการมาขอใช้ฐานทัพเรืออู่ตะเภาหรือไม่ ตนไม่อยากขอพูดรายละเอียด แต่เราต้องดูทุกมิติ คนไทยอย่าพึ่งสรุป อย่าพึ่งตกใจ ตนยังอยู่ ตนไม่โง่ 76 ยังไม่โง่

เมื่อถามว่าสิ่งที่เราเจรจา กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการต่างประเทศ เดินมาถูกทางใช่หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ยังไม่เต็มที่ ยังสามารถปรับได้ สุดสัปดาห์นี้จะมีการพูดคุยกัน จะมีการลงรายละเอียดว่าจะเอาอย่างไรในแต่ละอย่าง

สำหรับภาษีทรัมป์เรายังมีเวลาหาจุดยืน โดยไม่เสียเปรียบและไม่นำภัยมาสู่ประเทศไทย ภาพรวมของเศรษฐกิจตอนนี้มีการพูดว่า Logo Image เพื่อไทยคือการแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ออกนโยบายและทำสัมฤทธิ์ผล แต่ตอนนี้สองปีรัฐบาลเพื่อไทยเป็นแกนนำในการบริหาร นับวันยิ่งถดถอย การทำมาหากินด้อยโอกาสลง จะแก้ไขอย่างไร นายทักษิณ กล่าวว่า ต้องเห็นใจเราหน่อย เลือกคนมาน้อยไปก็ต้องเป็นรัฐบาลผสมหลายพรรค ต้องใช้เวลาพูดคุยขอร้อง ไม่ง่าย ทั้งข้าราชการ การแบ่งกระทรวงแยกเยอะแยะไปหมด ไม่ใช่เรื่องง่าย เจอปัญหารอบด้าน อย่างการท่องเที่ยวที่หายไปนั้น เพราะบางเว็บไซต์ยิงข่าวว่าประเทศไทยไม่ปลอดภัย ดาราจีนที่ถูกหลอกไปคอลเซ็นเตอร์ฝั่งเมียนมา

แต่ที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย โพสต์ว่าเหตุผลสำคัญที่จีนหายไป 70-90% เนื่องจากเรามีนโยบายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ และรัฐบาลจีนเตือนมาสองถึงสามครั้ง นายอนุทิน ก็อยู่ในเหตุการณ์ ข้อเท็จจริงใช่หรือไม่ นายทักษิณ ระบุว่า ข้อเท็จจริงคือตรงกันนโยบายพรรคภูมิใจไทยที่ไม่เอาเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ความจริงเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ยังไม่เกิด จะมีผลอะไรกับการท่องเที่ยว เป็นเพราะเรื่องระบบความไม่ปลอดภัย ตนกำลังเร่งเต็มที่ให้ทำ สมาร์ทซิตี้ มีเมื่อไรตนจะอินชัวร์นักท่องเที่ยว มีกล้องซีซีทีวีติดไปหมด ควรจะปลอดภัยมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องคอลเซ็นเตอร์และการหลอกลวง เราเอาตาย

วันนี้คอลเซ็นเตอร์ใหญ่คนจีนที่ทำอยู่เมืองไทย ตนพึ่งมารู้ว่าเขาเป็นตัวใหญ่ เป็นคนจีน อพาร์ตเมนต์หลังละ 1,000 ล้าน มีสามคน 3,000 ล้าน กำลังรวบรวมอยู่ และอยู่ในกรุงเทพมหานคร

ส่วนรัฐบาลนี้อยู่ครบเทอม 2 ปี นโยบายเศรษฐกิจอะไรที่ต้องขับเคลื่อนต่อ นายทักษิณ เผยว่า สิ่งที่ขับเคลื่อนที่สุดคือต้องจัดการเรื่องหนี้ภาคประชาชน ความลำบากในวันนี้คือปัญหา หนี้ ต้องตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) ของภาคประชาชน ตนพยายามเสนอแต่ไม่ได้ขายในตอนนี้ ให้ถามปลัดกระทรวงการคลัง เห็นแบบเดียวกันใช่หรือไม่ บางครั้งตนก็ลำบากที่ไม่สามารถวิ่งไปพบคนนั้นคนนี้ได้ ตนได้แต่โทรศัพท์ ทำได้ไม่มาก

ส่วนใช้องค์กรไหนบริหารนั้น ต้องตั้งมาเอง อย่าไปฝากที่อื่น ไม่ฝากที่สถาบันการเงิน เพราะเป็นคนละพันธุ์นั้นเป็นพันธุ์ธุรกิจ ส่วนเห็นด้วยหรือไม่ก็เป็นเรื่องของเขา เราก็ทำในส่วนของเรา

การใช้ AMC ซอฟต์พาวเวอร์ ทำให้ถึงครัวเรือนหมายถึงต้องหาความชำนาญในทุกครัวเรือนให้สร้างรายได้ใหม่ วันนี้ตนภูมิใจที่เด็กไทยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องศัลยกรรม เอามาเดินแฟชั่น เราต้องการสวยแบบไทย

เมื่อถามย้ำว่าลูกสาวมาขับเครื่องซอฟต์พาวเวอร์เต็มตัวได้ผลหรือไม่ นายทักษิณ รับปากว่า แน่นอนครับ ต้องได้ผล พ่อช่วยอยู่ พ่อช่วยทุกเรื่องเป็นการช่วยประเทศ ไม่ใช่ช่วยลูกสาว.-313-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

“ลุงพล” นอนคุกยาว ศาลไม่ให้ประกันตัว เกรงหลบหนี

14 ส.ค. – ศาลฎีกายกคำร้อง ไม่อนุญาตให้ประกันตัว “ลุงพล” คดีน้องชมพู่ ชี้เป็นคดีร้ายแรง เกรงจะหลบหนี ส่งผลให้ลุงพลต้องนอนคุกระหว่างฎีกา นายประยุทธ เพชรคุณ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลสูงภาค 4 กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เพิ่มโทษ “ลุงพล” ในคดีฆ่าเด็กหญิงอรวรรณ หรือน้องชมพู่ อายุ 3 ปี รวมเป็น 26 ปี เมื่อวานนี้ ลุงพลยื่นประกันตัวและศาลจังหวัดมุกดาหารส่งให้ศาลฎีกาพิจารณา เรื่องการปล่อยชั่วคราว โดยวันนี้ศาลฎีกา ได้มีคำสั่งออกมาว่า พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง กระทบต่อสังคมเป็นการลงโทษสถานหนัก ทั้งศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษให้จำคุก 26 ปี และเกรงว่าจำเลยจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างฎีกา ยกคำร้องการประกันตัว ส่งผลให้จำเลยต้องคุมขังอยู่ในเรือนจำระหว่างฎีกา ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ (15 ส.ค.) เจ้าหน้าที่จะนำตัวลุงพลไปคุมขังที่เรือนจำจังหวัดนครพนม เนื่องจากโทษจำคุกสูง.-สำนักข่าวไทย

บุกชิงทอง

ควงปืนชิงทองกลางห้างดังย่านบางบ่อ กวาดทอง 163 บาท ขี่ จยย.หนี

สมุทรปราการ 14 ส.ค. – คนร้ายสวมชุดไรเดอร์ควงปืนจี้ชิงทอง ร้านทองกลางห้าง ย่านบางบ่อ กวาดทอง 163 บาท มูลค่ากว่า 8 ล้านบาท ก่อนขี่จักรยานยนต์หลบหนี ตำรวจเร่งล่าตัว เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ เกิดเหตุอุกอาจภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ย่านบางบ่อ จ.สมุทรปราการ คนร้ายรูปร่างสูงใหญ่ สวมชุดไรเดอร์ ใส่หมวกกันน็อกเต็มใบ สะพายกระเป๋าข้าง บุกเข้าไปในร้านทองพร้อมใช้อาวุธปืนข่มขู่พนักงาน กวาดสร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนักรวมราว 163 บาท หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 8 ล้านบาท วิ่งขึ้นรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า เอ็นแม็ก ที่จอดอยู่ด้านหน้า ขี่หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว พนักงานรักษาความปลอดภัยของห้าง ให้ข้อมูลว่า เห็นคนร้ายเดินเข้ามา จึงบอกให้ถอดหมวกกันน็อก แต่คนร้ายไม่สนใจ ก่อนบุกเข้าไปก่อเหตุในร้านทอง พนักงานชายร้านทอง เล่าว่า ผู้ก่อเหตุปีนเข้ามาแล้วพูดว่า ‘หยิบทองมา’ จึงสั่งให้น้องพนักงานหมอบลงเพื่อความปลอดภัย เพราะเห็นว่าคนร้ายมีอาวุธปืน และไม่เคยเห็นหน้าของคนร้ายมาก่อน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และตำรวจ สภ.บางบ่อ พร้อมผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ อยู่ระหว่างตรวจสอบที่เกิดเหตุ เร่งไล่ล่าตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป. – […]

เปิดคำร้อง 36 สว. ปมคลิปเสียง ยกละเอียดยิบผิดจริยธรรมข้อใด

กทม.14 ส.ค.- เปิดคำร้อง 36 สว. ปมคลิปเสียง ยกละเอียดยิบผิดจริยธรรมข้อใด อ้างอิงเหตุการณ์คลิปเสียง และพฤติการณ์ที่นิ่งเฉย ไม่กำหนดมาตรการหรือความชัดเจนตอบโต้กัมพูชาในช่วงปะทะ ไล่เลียงตั้งแต่กัมพูชารุกล้ำพื้นที่อธิปไตยไทย 200 เมตร จนถึงวันปล่อยคลิปเสียง 18 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในคำร้องของ 36 สว. ต่อกรณีคลิปสนทนาของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งกัมพูชา ที่ศาลนัดวินิจฉัยคำร้องในวันที่ 29 สิงหาคมนี้ ซึ่งในคำร้องขอให้ศาลสั่งให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบกับมาตรา 160 (4)(5) ในเนื้อหาคำร้องอ้างอิงถึงคลิปสนทนาของนางสาวแพทองธาร กับสมเด็จฮุน เซน ที่มีการเอ่ยพาดพิงแม่ทัพภาคที่ 2 แม้นายกรัฐมนตรีพยายามแถลงข่าวชี้แจงกรณีคลิปเสียง แต่สมาชิกวุฒิสภาเห็นว่า ข้อกล่าวอ้างดังกล่าวฟังไม่ขึ้น เพราะเมื่อมีการเผยแพร่คลิปเสียงเช่นนี้แล้ว นายกรัฐมนตรีย่อมพยายามจะต้องหาข้อแก้ตัวอย่างไรก็ได้ โดยสมาชิกวุฒิสภาเห็นว่า หากนายกรัฐมนตรีมีเจตนาเจรจาเพื่อยุติปัญหาความขัดแย้งและการสู้รบระหว่างประเทศเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติจริง นายกรัฐมนตรีสามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และวิธีการเจรจาทางการทูตตามหลักและมาตรฐานการดำเนินการที่ถูกต้องอย่างโปร่งใส ตามกระบวนการของกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ ประการสำคัญ […]

“มาริษ” ตอบรับคำเชิญ “หวังอี้” ร่วมถก 3 ฝ่าย จีน-ไทย-กัมพูชา แก้ชายแดนสันติ

จีน 15 ส.ค.-“มาริษ” ตอบรับคำเชิญ “หวังอี้” ร่วมถก 3 ฝ่าย จีน-ไทย-กัมพูชา แก้ปัญหาชายแดนอย่างสันติ พร้อมขอบคุณที่เห็นความจำเป็นในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด เห็นพ้องหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนในสื่อโซเชียล นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ตอบรับคำเชิญของ นายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน ในการเข้าร่วมจิบน้ำชาและหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศจีน ไทย และกัมพูชา ในห้วงการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ กรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง (Mekong – Lancang Cooperation) หรือ MLC ครั้งที่ 10 ณ เมืองอันหนิง มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยนายมาริษ ได้แสดงความขอบคุณต่อบทบาทที่สร้างสรรค์ของจีน ในการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชาอย่างสันติ ผ่านกลไกทวิภาคีต่างๆ และการบังคับใช้ให้เกิดการดำเนินการตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยได้รับการสนับสนุนของอาเซียน พร้อมยังได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วน ที่ไทย-กัมพูชา ต้องร่วมมือกันในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดตามแนวชายแดน ซึ่งทุกฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันถึงความจำเป็นที่จะต้องหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนในสื่อโซเชียล เนื่องจากเป็นก้าวสำคัญในการลดความตึงเครียด และฟื้นฟูความเป็นปกติสุขในพื้นที่ชายแดน นอกจากนี้ นายมาริษ ยังได้กล่าวขอขอบคุณ นายหวัง อี้ […]