9 ก.ค. – ตำรวจไซเบอร์ทลายแก๊งไทยเทาร่วมผิวสีฉ้อโกงข้ามชาติ ยึดเงินทันคืนเหยื่อบริษัทญี่ปุ่น กว่า 215 ล้านบาท ใหญ่สุดในประวัติการณ์
จากกรณีคดีบริษัทชื่อดังในประเทศญี่ปุ่นถูกแฮ็กอีเมล และสวมรอยโดเมนอีเมลปลอมตั้งแต่ปี 2567 เพื่อหลอกให้บริษัทเชื่อว่าบัญชีรับเงินได้มีการเปลี่ยนแปลง โดยเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2568 บริษัทญี่ปุ่น หลงเชื่อและโอนเงินกว่า 228 ล้านบาท ผ่านระบบ SWIFT มายังบัญชีบริษัทในประเทศไทย หลังการโอนเงิน นายวีรกานต์ หนึ่งในผู้ร่วมขบวนการ ได้รีบถอนเงินออกจากบัญชีจำนวนรวม 13 ล้านบาท ก่อนที่ทางธนาคารไทยจะตรวจพบความผิดปกติ และประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์เข้าทำการอายัดบัญชีทันที ซึ่งนำไปสู่การสืบสวนขยายผลพบว่าบริษัทคู่ค้าปลอมจดทะเบียนอยู่ในพื้นที่เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ โดยมีกรรมการ 3 คน คือ นายวีรกานต์ นางสาววิลัยพร และนายอนุชา ซึ่งถูกออกหมายจับและจับกุมได้ในวันที่ 29 เมษายน
จากการสืบสวนพบว่าผู้อยู่เบื้องหลังคือ Mr.Annest Onyebuchi ชาวไนจีเรีย ซึ่งเป็นสามีของนางสาวพิญญานันท์ โดยส่งใบแจ้งหนี้ปลอมผ่านแอปพลิเคชัน WhatsApp เพื่อหลอกบริษัทญี่ปุ่น จากนั้นจึงนำเงินไปฟอกผ่านบริษัทอื่นในไทย
ต่อมาในวันที่ 8 พฤษภาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาเพิ่มเติมคือ Mr. Ibrahim สัญชาติกานา โดยพบว่ามีบทบาทในการแชทสั่งการรับเงินและแบ่งผลประโยชน์ 5% ให้กับผู้ร่วมขบวนการ พร้อมทั้งสั่งลบแชทและปิดปากทันทีเมื่อทราบว่าผู้ร่วมขบวนการถูกจับกุม
จากการสืบสวนและพยานหลักฐานทั้งหมด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหากับผู้ต้องหาในคดีนี้รวม 6 ราย ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, ร่วมกันฟอกเงิน, ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, อั้งยี่ซ่องโจร, ร่วมกันเปิด หรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก, บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ของตนเอง โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนเอง หรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
โครงการ “Money Cash Back ปิดบัญชีตามล่าม้า คว้าเงินคืน” ถือเป็นความร่วมมือเชิงรุกของตำรวจไซเบอร์ที่สามารถนำเงินคืนให้ผู้เสียหายได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยก่อนหน้านี้มีการทวงคืนสำเร็จรวมกว่า 215 ล้านบาท และครั้งนี้ถือเป็นสถิติสูงสุดของประเทศ. -416-สำนักข่าวไทย