ศูนย์ประชุมไบเทค 13 ธ.ค.-นายกฯ เตรียมเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถกปัญหาฝุ่น PM2.5 พร้อมเจรจาเพื่อนบ้านลดเผาซากพืช ขู่ภาคเอกชน หากปลูกข้าวโพดในประเทศเพื่อนบ้านและขนกลับไทย-พบเผา ต้องถูกเก็บภาษีเพิ่ม
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการคลัง กล่าวถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM2.5 โดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่กำลังประสบปัญหาฝุ่นอย่างหนักว่า ตอนนี้ตนทราบถึงปัญหาดังกล่าว และมีความเป็นห่วง โดยวันนี้ (13 ธ.ค.) จะเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาสั่งการว่าจะมีแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างไร แต่เรื่องนี้ก็ประสบปัญหาทุกปี เราก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ทุกคนทราบดีว่ารัฐบาล Kick-off ไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการไม่เผาป่า ซึ่งก็ไม่ได้ยอมแพ้ หรือนิ่งนอนใจ ก็ต้องบริหารจัดการต่อไป
ส่วนที่รัฐบาลประกาศ Kick-Off ไปแล้ว ในพื้นที่ของภาคเหนือ เช่น จังหวัดเชียงใหม่ แต่ว่าในส่วนของกรุงเทพฯ และปริมณฑล ค่อนข้างที่จะแตกต่าง จากจังหวัดเชียงใหม่ ได้มีการเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือหรือไม่ จริงๆแล้วก็เกิดจากการเผา ถ้าหากนั่งเครื่องบินเข้ามาก็จะเห็นว่าภาคกลางก็มีการเผาสร้างของพืชผล เพราะฉะนั้นเราต้องให้เจ้าที่เกี่ยวข้องไปนั่งดูแลตรงนี้
ส่วนที่นายกรัฐมนตรีเคยพูดว่า จะดึงกองทัพเข้ามาช่วยเหลือ ซึ่งในส่วนนี้กองทัพได้เข้าไปดำเนินการอย่างไรบ้าง นายเศรษฐา กล่าวว่า กองทัพได้ช่วยเหลืออยู่ตลอด เรื่องของพื้นที่พื้นที่ภาคเหนือได้พูดคุยกับแม่ทัพภาคสาม และผู้บัญชาการทหารสูงสุด ให้ช่วยดูแลเฝ้าระวังการเผาป่า
เมื่อถามว่าต้องมีการพูดคุยกับภาคอุตสาหกรรม หรือภาคคมนาคม ในเรื่องของการขนส่งด้วยหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า วันนี้ที่ได้มาสัมมนาก็ได้ให้องค์ความรู้ไปส่วนหนึ่ง ซึ่งทุกคนทราบว่าปัญหาเหล่านี้ มันเกิดขึ้นกับทุกๆ ภาคส่วน และทุกคนมีส่วนที่จะรับผิดชอบทำให้ลดน้อยลงไป
ส่วนได้รับรายงานจากประเทศเพื่อนบ้านเรื่องของการเผาไม่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า เป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะว่าที่ประเทศเมียนมา ประเทศลาวเอง ก็มีส่วนกับเราทุกๆ ปี ซ้ำแล้วซ้ำอีก โดยทางประเทศลาว เรามีการพูดคุยที่ดีกันตลอดเวลา เพราะฉะนั้นก็ไม่ได้เกี่ยวแค่ประเทศลาวอย่างเดียว แต่เราเองภาคเอกชนไปจ้างการปลูกพืชผลที่ประเทศลาวเหมือนกัน จึงมีการพูดคุยกันว่า หากจะนำพืชผลกลับเข้ามาขายในประเทศไทย และยังมีการเผาซาก ก็ต้องถูกจัดเก็บภาษี ซึ่งต้องบริหารจัดการตรงนี้ให้ได้ เพราะฉะนั้นมีการพูดคุยกันที่ค่อนข้างรุนแรงในเรื่องนี้เหมือนกัน
ส่วนทางประเทศเมียนมา ก็ต้องให้ฝ่ายทหารไปพูดคุยด้วยเหมือนกัน เพราะทราบพอดีว่าตรงตรงพื้นที่ที่มีการเผาป่า เป็นพื้นที่ที่ประเทศเขามีปัญหาภายในบ้านเมืองของเขา ซึ่งเราก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการพูดคุยตลอดเวลา
สำหรับเรื่องมาตรการทางภาษีกับผู้ประกอบการ ที่นายกรัฐมนตรีเคยพูดว่า อาจจะมีการบังคับใช้มาตรการทางภาษีนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า สมมุติว่าภาคเอกชนมีการไปปลูกข้าวโพดที่ประเทศลาว และนำกลับเข้ามาจากประเทศไทย โดยหากภาครัฐพิสูจน์ได้ว่านำมาจากประเทศดังกล่าว และมีการเผาไหม้ซาก ก็จะมีการชาร์จภาษีเกิดขึ้นกับผู้ประกอบการ และจะนำเงินตรงนั้นมาช่วยหยุดไฟป่า หรือทำให้การบำบัดซากพืชผลได้พัฒนาทำอย่างอื่นได้อย่างเช่น ค่าขนส่ง ซึ่งเชื่อว่าผู้ประกอบการทุกคนขานรับกับนโยบายนี้ เพราะว่าเป็นปัญหาใหญ่ เจ้าของกิจการ พนักงาน และลูกหลานของเขา ก็จะได้รับผลกระทบจากอากาศไม่บริสุทธิ์ ซึ่งเชื่อว่าทุกคนพยายามทำกันอยู่
โดยช่วงท้าย ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงสถานการณ์ฝุ่นในกรุงเทพมหานครที่ค่อนข้างวิกฤต รัฐบาลพอจะมีมาตรการเฉพาะกิจช่วยเหลืออย่างไรหรือไม่ นายกรัฐมนตรีตอบเพียงสั้นๆ ว่าพูดไปแล้ว ก่อนที่จะยกมือไหว้ และเดินออกจากวงสัมภาษณ์ไป.-316.-สำนักข่าวไทย