กระบี่ 18 ก.ค.-สำนักข่าวไทยยังคงเกาะติดการดำเนินคดีกับกลุ่มของ “บังฟัต” ที่ก่อเหตุฆ่ายกครัว 8 ศพที่กระบี่ ซึ่งวันพรุ่งนี้ (19 ก.ค.) พนักงานสอบสวนเตรียมขอศาลอนุมัติหมายจับผู้ก่อเหตุ 7 คน ขณะที่ผลการสอบสวนพบว่า นายอรุณ หรือ “บังจี” เป็นผู้เหนี่ยวไกสังหาร “ผู้ใหญ่วรยุทธ” หลังจากนั้น “บังฟัต” เป็นผู้ยิงคนที่เหลือ
ชุดสืบสวนคดีฆาตกรรมครอบครัวนายวรยุทธ สังหลัง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ จนมีผู้เสียชีวิต 8 ศพ และได้รับบาดเจ็บ 3 คน ระบุว่าจากการสอบสวนผู้ก่อเหตุทั้งหมด พบว่านายอรุณ (สงวนนามสกุล) หรือ บังจี เป็นผู้ก่อเหตุยิงผู้ใหญ่วรยุทธ เสียชีวิต เนื่องจากขณะเกิดเหตุผู้ใหญ่บ้านได้พยายามต่อสู้ขัดขืน เพื่อแย่งอาวุธปืน แต่ทว่า “บังฟัต” สามารถล็อกตัวผู้ใหญ่วรยุทธได้ ก่อนสั่งให้ “บังจี” เป็นผู้เหนี่ยวไกอาวุธปืนขนาด .38 ใส่ผู้ใหญ่วรยุทธ จนเสียชีวิต ก่อนที่ “บังฟัต” จะก่อเหตุสังหารโหดคนที่เหลือ เพื่อหวังจัดฉากให้มีลักษณะเหมือนผู้ใหญ่วรยุทธ ยิงบุคคลในบ้าน ก่อนฆ่าตัวตาย สรุปคือมี “บังฟัต” และ “บังจี” เป็นผู้ร่วมสังหารคนในบ้าน
ด้าน พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ ที่ปรึกษา สบ 10 ประชุมความคืบหน้าการสรุปสำนวนเพื่อดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุทั้งหมดที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ ซึ่งพรุ่งนี้ (19 ก.ค.) จะมีการขอศาลอนุมัติหมายจับผู้ก่อเหตุทั้ง 7 คน โดยเตรียมตั้งข้อหาหนัก อาทิ ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้อาวุธปืน, ร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวหรือทำร้ายจิตใจผู้อื่น และแต่งกายเลียนแบบเจ้าหน้าที่ ส่วนอีก 2 คน ซึ่งเป็นหญิงสาวและชายวัยกลางคน ยังอยู่ระหว่างขยายผล หากสามารถยืนยันว่าร่วมกระทำผิด ก็จะขอศาลอนุมัติหมายจับเช่นกัน พร้อมยืนยันว่าจากการสอบสวนจนถึงขณะนี้ ยังไม่พบว่ามีผู้บงการคนอื่นร่วมก่อเหตุด้วย เนื่องจากเป็นประเด็นความขัดแย้งเรื่องการขายฝากที่ดิน ระหว่างผู้ใหญ่บ้านและ “บังฟัต” และอาจจะไม่มีการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เนื่องจากเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย
ขณะเดียวกัน ชุดสืบสวนฯ ยังคงออกเก็บหลักฐาน โดยเฉพาะจากกล้องวงจรปิด ซึ่งได้ไปเก็บเพิ่มที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งที่ ต.กระบี่ใหญ่ ริมถนนเพชรเกษม และที่สถานีขนส่งจังหวัดกระบี่ โดยเป็นการเก็บหลักฐานในช่วงเวลาตั้งแต่ 06.00-12.00 น.ของวันที่ 11 กรกฎาคม ซึ่งเป็นช่วงหลังเกิดเหตุที่ “บังฟัต” และผู้ก่อเหตุอีกคนได้เดินทางมาขึ้นรถโดยสารเพื่อแยกย้ายไปยังพังงาและระนอง ซึ่งภาพวงจรปิดที่ได้จะไปประกอบสำนวนการสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป
ในเรื่องนี้มีความเห็นจากนายกรัฐมนตรี ที่ชื่นชมการทำงานของตำรวจที่คลี่คลายคดีได้อย่างรวดเร็ว โดยมองว่ามีการทำงานอย่างมืออาชีพ โดยเฉพาะผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และนายตำรวจชุดสืบสวนที่ต้องอดหลับอดนอนทำงาน.-สำนักข่าวไทย