ค่ายวชิราวุธ นครศรีธรรมราช 13 พ.ย.- รมว.กลาโหม ตรวจเยี่ยมกองทัพภาคที่ 4 อย่างเป็นทางการ เน้นย้ำพัฒนากองทัพให้มีความทันสมัยในทุกด้าน
นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และคณะ เดินทางตรวจเยี่ยมกองทัพภาคที่ 4 ค่ายวชิราวุธ จ.นครศรีธรรมราช อย่างเป็นทางการ หลังจากรับตำแหน่ง โดยมี พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมด้วย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช และนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพภาคที่ 4 ร่วมให้การต้อนรับ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในค่ายวชิราวุธ ประกอบด้วย อนุสาวรีย์วีรไทย 2484 (พ่อจ่าดำ) สักการะพระบรมราชนุสาวรีย์ ร.6 จากนั้นเดินทางไปยังกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 4 รับฟังการบรรยายสรุป เพื่อรับฟังประวัติความเป็นมา รวมถึงภารกิจของกองทัพภาคที่ 4
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กล่าวขอบคุณกองทัพภาคที่ 4 ที่ให้การต้อนรับอย่างสมเกียรติและอบอุ่น และสัมผัสได้ถึงประวัติศาสตร์และเกียรติภูมิของกองทัพภาคที่ 4 ที่มีมาอย่างยาวนาน พร้อมมอบนโยบายและแนวทางการปฏิบัติงานของกระทรวงกลาโหม โดยให้ความสำคัญในเรื่องการพัฒนากองทัพให้มีความทันสมัยในทุกด้าน ทั้งด้านศักยภาพในการป้องกันประเทศ การปรับขนาดกองทัพให้มีความเหมาะสมเพื่อสอดรับกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ รวมถึงเสริมสร้างความพร้อมด้านยุทโธปกรณ์ และพัฒนาเทคโนโลยีในการบริหารจัดการกองทัพ โดยกระบวนการจัดหาต้องมีความคุ้มค่า โปร่งใส ตรวจสอบได้และเกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงการนำที่ดินที่อยู่ในการดูแลของหน่วยทหารไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน สนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศ และที่สำคัญคือต้องคำนึงถึงการดูแลกำลังพลและครอบครัว เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่
ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม ได้ร่วมบันทึกภาพ และ เยี่ยมชมประวัติอันเกรียงไกรของกองทัพภาคที่ 4 ณ ห้องประวัติศาสตร์และหอเกียรติยศกองทัพภาคที่ 4 และลงนามในสมุดเยี่ยมตามลำดับ จากนั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และคณะ ออกเดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ต่อไปยัง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เพื่อตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานในพื้นที่
สำหรับกองทัพภาคที่ 4 มีเกียรติประวัติอันเกรียงไกรมาอย่างยาวนาน ก่อตั้งเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ 2518 รับผิดชอบพื้นที่ภาคใต้กว่า 70,000 ตารางกิโลเมตร มีการประสานแผนและการปฏิบัติในการป้องกันเอกราชและอธิปไตยของชาติ ร่วมกับกองทัพเรือ และกองทัพอากาศในพื้นที่ ได้แก่ ทัพเรือภาคที่ 2 ทัพเรือภาคที่ 3 กองบิน 7 และ กองบิน 56 อย่างใกล้ชิด เพื่อให้เกิดความประสานสอดคล้อง และความมีประสิทธิภาพสูงสุดในการรับมือกับภัยคุกคามทุกรูปแบบ.-สำนักข่าวไทย