กรุงเทพฯ 2 พ.ย. – “บมจ.เซฟ เฟอร์ทิลิตี้ กรุ๊ป หรือ SAFE” ผู้ให้บริการคลินิกการแพทย์เฉพาะทางเพื่อการมีบุตรแบบครบวงจร เข้าเทรดวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วางยุทธศาสตร์ต่อยอดจุดแข็งให้บริการรักษาภาวะมีบุตรยากสร้างการเติบโตให้องค์กรอย่างยั่งยืน
SAFE เปิดเทรดวันแรกที่ 16.00 บาท ลดลง 5.00 บาท (-23.81%) จากราคา IPO 21.00 บาท นพ.วิวัฒน์ กว้างคณานุรักษ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาผู้มีบุตรยากด้วยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธ์ทางการแพทย์ ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซฟ เฟอร์ทิลิตี้ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SAFE เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้นำหุ้น SAFE เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นวันแรก (2 พ.ย.) ในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ หลังประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 76,748,600 หุ้น ที่ราคาหุ้นละ 21 บาท นับเป็นก้าวสำคัญของ SAFE เพื่อรองรับแผนการขยายการให้บริการรักษาภาวะมีบุตรยากและห้องปฏิบัติการด้านพันธุศาสตร์ของกลุ่มบริษัทฯ ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น เติมเต็มความฝันของผู้มีบุตรยากให้มีโอกาสได้มีบุตรตามความประสงค์ พร้อมร่วมขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของผู้มีบุตรยากจากทั่วโลก (Fertility Tourism) สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการพัฒนาให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอนาคต
ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทฯ ได้วางยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนธุรกิจสู่ผู้นำด้านการรักษาภาวะมีบุตรยาก ด้านวินิจฉัยพันธุกรรมตัวอ่อนและเวลเนสในระดับเอเชีย ผ่านการขยายศูนย์การแพทย์เพื่อการมีบุตรและห้องปฏิบัติการเจริญพันธุ์ ไปยังโรงพยาบาลพันธมิตรที่มีเครือข่ายครอบคลุมทั่วประเทศ หรือในสถานพยาบาลคู่ค้า ที่อยู่ในทำเลที่มีศักยภาพในด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ทั้งในรูปแบบพันธมิตรทางการค้า การร่วมลงทุน การเข้าซื้อกิจการ รวมทั้งใช้เทคโนโลยีในการรักษาที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ พัฒนาบุคลากรในการให้บริการอยู่เสมอ เพื่อส่งเสริมให้กลุ่มบริษัทฯ เป็นผู้นำ รวมถึงการสื่อสารและสร้างแบรนด์ “SAFE FERTILITY” ในฐานะผู้นำทางด้านการรักษาภาวะมีบุตรยากและด้านวินิจฉัยพันธุกรรมตัวอ่อนในเอเชียในเชิงรุกมากขึ้น เช่น ผ่านช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ไปยังผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ การทำตลาดดิจิทัล (Digital Marketing) ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีแผนขยายการเติบโตไปยังธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่อง
กลุ่มบริษัทฯ วางแผนจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปสร้างศักยภาพการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต ในเบื้องต้นจะย้ายสาขารามอินทราไปยังพื้นที่ในโครงการสนามไดร์ฟกอล์ฟ กอล์ฟ ชาแนล เซ็นเตอร์ ถนนรามอินทรา เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้มาใช้บริการ รวมถึงให้บริการแบบครบวงจรมากยิ่งขึ้น เช่น มีห้องปฏิบัติการด้านพันธุศาสตร์สำหรับนักวิทยาศาสตร์ของกลุ่มที่ทันสมัยและกว้างขวาง คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท อีกทั้งกลุ่มบริษัทฯ อยู่ระหว่างพิจารณาโอกาสร่วมลงทุนกับห้องปฏิบัติการในพื้นที่โรงพยาบาลเอกชนและโรงพยาบาลรัฐบาล ร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจในรูปแบบกิจการร่วมค้า (Joint Venture) กับโรงพยาบาลเอกชนทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ
ขณะที่ผลการดำเนินงานปี 2563-2565 มีรายได้รวม 529.77 ล้านบาท 561.96 ล้านบาท 729.32 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิ 42.16 ล้านบาท 78.23 ล้านบาท 161.73 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนงวด 6 เดือนแรกปี 2566 มีรายได้รวม 409.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.4 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 87.4 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 3.89 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกำไรสุทธิที่ลดลงเล็กน้อยเป็นผลมาจากมีค่าใช้จ่ายในการเตรียมตัวเพื่อจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
“เราเชื่อมั่นว่า SAFE จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากการมีฐานทุนที่แข็งแกร่ง และก้าวขึ้นสู่ผู้นำด้านรักษาผู้มีบุตรยาก ด้านวินิจฉัยพันธุกรรมตัวอ่อนและเวลเนสในภูมิภาคเอเชีย และมีส่วนช่วยเติมเต็มความฝันของผู้มีบุตรยากให้เป็นจริงได้ โดยมุ่งเน้นการให้บริการระดับโลก ใส่ใจต่อความปลอดภัยของคนไข้ ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SAFE กล่าว. –สำนักข่าวไทย