เชียงใหม่ 1 พ.ย. – เปิดแล้วเส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปานเริ่มวันนี้วันแรก นักท่องเที่ยวแห่ชมความสวยงาม ท้าหนาวแรกบนดอยอินทนนท์คึกคัก หลังสภาพอากาศทางภาคเหนือเริ่มหนาวเย็นลงแล้ว
เช้าวันนี้ ที่จุดชมวิวกิ่วแม่ปาน บนดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่ขึ้นมาท้าชมหนาวแรกของปี พร้อมรอชมความสวยงามของพระอาทิตย์ขึ้น ท่ามกลางอุณหภูมิต่ำสุด 11 องศาฯ และเต็มไปด้วยไอหมอก จนแทบมองไม่เห็นพระอาทิตย์ แต่นักท่องเที่ยวได้สัมผัสความสวยงามของช่วงเปลี่ยนผ่านฤดูกาลจากหน้าฝนย่างเข้าสู่หน้าหนาว ซึ่งสวยงามไปอีกแบบ
ขณะเดียวกันวันนี้เป็นวันแรกที่เปิดให้เข้าชมเส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน หลังปิดมาหลายเดือนเพื่อให้ธรรมชาติได้ฟื้นตัว โดยนายกริชสยาม คงสตรี ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 เชียงใหม่ พร้อมนายเกรียงไกร ไชยพิเศษ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ร่วมกันเปิดเส้นทางและร่วมต้อนรับนักท่องเที่ยวชุดแรกที่เข้าชมความสวยงามของธรรมชาติในกิ่วแม่ปาน ซึ่งวันนี้เต็มไปด้วยทะเลหมอกผืนใหญ่และความสวยงามของพันธุ์ไม้ในช่วงหน้าหนาว โดยได้มอบรางวัลให้กับนักท่องเที่ยวที่ลงทะเบียนเป็นคนแรก ด้วยรางวัลบัตรเข้าพักบ้านหลังใหญ่ที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ฟรี มูลค่า 8 พันบาท และผู้ที่ได้รางวัลเป็นหนุ่มจากเชียงใหม่ บอกว่ามาเที่ยวเกือบทุกปีแต่ปีที่แล้วลงทะเบียนเป็นคนที่ 2 ปีนี้จึงมาตั้งแต่ตี 4 เพื่อลงทะเบียนเป็นคนแรกและก็ได้รางวัลสมความตั้งใจ พร้อมบอกถึงความประทับใจว่าการเดินศึกษาธรรมชาติที่กิ่วแม่ปาน ช่วยรักษาใจตัวเองได้เป็นอย่างดี จึงอยากเชิญชวนทุกคนให้มาสัมผัสกับความสวยงามของธรรมชาติที่ประหยัดเงินในกระเป๋าแต่ได้ความคุ้มค่ากลับไปแน่นอน
นายเกรียงไกร กล่าวว่า ทุกปีจะมีนักท่องเที่ยวเดินกิ่วแม่ปานเฉลี่ยประมาณ 2 แสนคน จากนักท่องเที่ยวที่มาดอยอินทนนท์ประมาณ 1 ล้านคนต่อปี ส่วนสถิติปี 2566 มีนักท่องเที่ยวมากิ่วแม่ปานประมาณ 1.6 แสนคน และเที่ยวดอยอินทนนท์ประมาณ 7.6 แสนคน เฉพาะที่เก็บรายได้ ยังไม่รวมผู้สูงอายุ และคาดการณ์ว่าปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวมาจำนวนมากกว่าปีที่แล้ว มากกว่า 20% แน่นอน เนื่องจากบรรยากาศของนักท่องเที่ยวช่วงที่ผ่านมามีจำนวนมากบวกกับการประชาสัมพันธ์ของอุทยานฯ ด้วย โดยล่าสุดครึ่งวันแรกที่เปิดให้เข้า มีนักท่องเที่ยวเข้าชมกิ่วแม่ปานแล้วกว่า 100 คน ขณะที่ปี 2566 มียอดนักท่องเที่ยว ทั้งคนไทยและต่างชาติ เข้าชมกิ่วแม่ปานวันแรก 526 คน ซึ่งคาดว่าปีนี้จะมากกว่าอย่างแน่นอน. -สำนักข่าวไทย