ศธ.12 ก.ค.-ศึกษาธิการจังหวัดลำปาง มีคำสั่งย้ายผอ.รร.อนุบาลลำปาง ไปช่วยราชการพื้นที่อื่นชั่วคราว หลังทุจริตนำเงินโรงเรียนใช้ส่วนตัวกว่า 40 ล้านบาท พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยร้ายเเรง โทษคือปลดออกหรือไล่ออกจากราชการ
พล.ท.โกศล ประทุมชาติ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะรองประธานคณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนแก้ปัญหาการทุจริตในกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาการทุจริตกระทรวงศึกษาธิการ ครั้งที่ 3/2560 ถึงกรณีที่ครูเกษียณอายุราชการซึ่งเป็นอดีตเลขานุการส่วนตัวของผอ.โรงเรียนดังในจังหวัดลำปาง ต้องเป็นหนี้แทน ผอ.โรงเรียน ที่ให้ไปกู้ยืมเงินมาใช้ส่วนตัวหลายล้านบาท อีกทั้งยังเปิดเผยว่าผอ.คนดังกล่าวนำเงินรายได้ของโรงเรียนมาใช้เป็นการส่วนตัวอีกกว่า 40 ล้านบาท ว่า วันนี้ศึกษาธิการจังหวัดลำปางได้มีคำสั่งย้าย ผอ.โรงเรียนอนุบาลลำปางไปช่วยราชการชั่วคราวที่สำนักงานเขตพื้นที่ประถมศึกษาลำปางเขต1 หลังคณะกรรมการสืบข้อเท็จได้ชี้ว่ากรณีดังกล่าวมีมูลความจริง และขณะนี้สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดลำปางได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยร้ายเเรงแล้ว คาดว่าจะดำเนินการให้เสร็จก่อนที่ผอ.จะเกษียณอายุราชการในเดือนกันยายนนี้ ซึ่งโทษทางวินัยมี 2 ประเภทคือการไล่ออกเเละปลดออก โดยอาจไม่มีการจ่ายเงินบำเหน็จบำนาญด้วย
ส่วนข้อเท็จจริงที่คณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงสรุปได้นั้น ระบุว่า ผอ.รร.คนดังกล่าวตั้งสำนักงานหน้าห้องผอ.ขึ้นมาโดยมีเจ้าหน้าที่ของโรงเรียน 4 คน เเละไปชวนเอาอดีตเลขานุการส่วนตัว ซึ่งเกษียณอายุราชการไปแล้วมาเป็นหัวหน้าสำนักงาน เพื่อบริหารเงิน 3 ส่วนที่ได้มาจาก 1.โครงการฝากเด็กกับครูตอนเย็น เก็บเงินรายหัวคนละ 500 บาท โดยไม่ได้ออกใบเสร็จใดๆให้กับผู้ปกครอง 2.เงินค่าเรียนพิเศษภาคฤดูร้อนช่วงเดือนตุลาคม เก็บนักเรียนคนละ 2,000 บาทเเละเดือนเมษายนเก็บนักเรียนคนละ 2,500 บาท เเละ 3.โครงการโรงเรียนเตรียมอนุบาล ซึ่งดำเนินการมาตั้งเเต่ปี2557 โดยเปิดเป็นห้องเรียน 6 ห้องเป็นหลักสูตรปกติ 5 ห้องเก็บค่าเรียนเทอมละ 20,000บาท เเละเป็นหลักสูตรมินิอิงลิชโปรเเกรมเก็บค่าเรียน40,000 บาทต่อเทอม ซึ่งผู้ปกครองจะทยอยจ่าย โดยเจ้าหน้าที่ขะออกใบเสร็จให้กับผู้ปกครองเพียงบางส่วน เเต่ใบเสร็จที่ออกให้นั้นไม่ถูกต้อง
ขณะเดียวกันเงินทั้ง 3ส่วนต้องนำเข้าเป็นรายรับโรงเรียน เเต่กลับไม่นำเข้า ขณะที่ไม่มีการทำบัญชีรายจ่ายไว้ด้วย มีเพียงเขียนบันทึกเป็นลายมือของเลขานุการคนดังกล่าว ส่วนใหญ่การใช้จ่ายส่วนตัวของผอ.ทั้งสิ้น และนอกจากผอ.โรงเรียนจะถูกสอบสวนทางวินัยเเล้วเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในกระบวนการทุกคนก็จะถูกดำเนินการด้วย เพราะถือว่าเป็นผู้ร่วมกระทำความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 149 ส่วนอดีตเลขานุการคนกล่าว ไม่สามารถดำเนินคดีทางอาญาได้ เนื่องจากเกษียณอายุราชการไปแล้ว 5 ปี.-สำนักข่าวไทย