ร้อยเอ็ด 8 ต.ค.-“สมศักดิ์” รองนายกฯ ขนทัพ สส.เพื่อไทย ติดตามน้ำท่วมร้อยเอ็ด มอบ “ถุงยังชีพ” ให้แก่ผู้ประสบภัย พร้อมเปิดแข่งขันเรือยาวประจำปี ขอรักษาประเพณีให้ลูกหลานได้เห็น จ่อถกประธานศาลฎีกา ตั้งศาลยาเสพติด
วันที่ 8 ตุลาคม 2566 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย นายสุธรรม แสงประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย นายมงคลชัย สมอุดร รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นายจิระพงศ์ เทพพิทักษ์ รองอธิบดีกรมทางหลวง นายชยันต์ เมืองสง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ได้เดินทางลงพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำท่วม พร้อมร่วมพิธีการแข่งขันเรือยาวประเพณี ประจำปี 2566 บริเวณสนามวัดสุปัญญาราม อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด โดยมี นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด นายเศกสิทธิ์ ไวนิยมพงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด นายฉลาด ขามช่วง สส.ร้อยเอ็ด นายนรากร นาเมืองรักษ์ สส.ร้อยเอ็ด นายกิตติ สมทรัพย์ สส.ร้อยเอ็ด นายนิรันดร์ นาเมืองรักษ์ อดีต สส.ร้อยเอ็ด และนายรณวริทธิ์ ปริยฉัตรตระกูล สมาชิกวุฒิสภา ให้การต้อนรับ
โดยนายสมศักดิ์ กล่าวเปิดงานการแข่งขันเรือยาวประเพณี ประจำปี 2566 ว่า ขอชื่นชมการแข่งขันเรือยาวประเพณี เพราะถือว่า เป็นกิจกรรมที่ดี ซึ่งต้องขอขอบคุณสส.และผู้บริหารท้องถิ่นทุกคน ที่ช่วยกันรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีนี้ โดยหวังว่า หลังจากนี้ กิจกรรมแบบนี้ จะยังมีให้ลูกหลานคนไทยได้เห็นอยู่อย่างต่อเนื่อง
“ผมในฐานะรองนายกฯ ต้องขอชื่นชม สส.ร้อยเอ็ด ที่ให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหายาเสพติด ซึ่งได้ถ่ายทอดให้ท่านนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน โดยท่านนายกฯ ก็ให้ความสำคัญในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก จนประกาศว่า จะดำเนินการเรื่องนี้ให้ถึงที่สุดด้วยตนเอง โดยผมในฐานะที่เคยอยู่กระทรวงยุติธรรม และได้กำกับงานอยู่ในเวลานี้ ก็กำลังจะเข้าไปพูดคุยกับประธานศาลฎีกา เพื่อขอความเห็นในการตั้งศาลยาเสพติด เพื่อดำเนินการให้ทุกอย่าง มีความเป็นมาตรฐานมากยิ่งขึ้น และจากนี้ ก็ต้องมาดูกันอีกครั้งว่า ความเห็นต่างๆในการตั้งศาลยาเสพติด จะเป็นไปในทิศทางใด”รองนายกรัฐมนตรี กล่าว
จากนั้น นายสมศักดิ์ พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำ บริเวณตลิ่งลำน้ำชี บ้านคุ้งสะอาด ตำบลนาเลิง อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อมอบถุงยังชีพให้แก่ผู้ประสบภัย
โดยนายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวรายงานว่า จังหวัดร้อยเอ็ด ได้ประกาศพื้นที่ประสบสาธารณภัย เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว 12 อำเภอ ส่งผลให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 23,758 ราย โดยมีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย ซึ่งจากเหตุอุทกภัยที่เกิดขึ้น ทำให้ถนนได้รับผลกระทบ 176 สาย สะพาน 14 แห่ง คอสะพาน 3 แห่ง ฝาย 12 แห่ง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ 2 แห่งบ้านพัก 97 หลัง และคอกสัตว์ 3 แห่ง รวมถึงมีพื้นที่การเกษตร ได้รับผลกระทบเป็นข้าวนาปี 917 ไร่ พืชผัก 130 ไร่ ไม้ยืนต้นอื่นๆ 211 ไร่ รวมพื้นที่ได้รับความเสียหายทั้งหมด 91,858 ไร่ ส่วนด้านปศุสัตว์ เกษตรกรได้รับผลกระทบ 1,057 ราย แบ่งเป็นโค 888 ตัว กระบือ 299 ตัวรวมทั้งสิ้น 1,187 ตัว ซึ่งการให้ความช่วยเหลือเฉพาะหน้า ได้มอบอาหารสัตว์จำนวน 20,000 กิโลกรัม การเสริมสร้างสุขภาพสัตว์ 392 ตัว การรักษาสัตว์ 131 ตัว
ขณะที่ นายนรากร กล่าวว่า ขอขอบคุณรัฐบาล ที่ให้ความสำคัญกับพี่น้องชาวเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด โดยปัญหาเรื่องน้ำเป็นปัญหาที่ยาวนาน ที่ชาวร้อยเอ็ดต้องประสบอยู่ทุกปี ดังนั้น ตนจึงอยากฝากท่านรองนายกรัฐมนตรี ดำเนินการบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยเหลือชาวร้อยเอ็ด ขณะเดียวกัน ก็อยากให้พิจารณางบประมาณขุดลอกคูคลอง เพื่อที่จะได้มีน้ำเก็บไว้ใช้ในช่วงหน้าแล้งด้วย
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า วันนี้ตนได้พา นายชยันต์ เมืองสง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ มาลงพื้นที่ด้วย เพื่อมารับฟังปัญหา และนำไปสู่การทำแผนในการแก้ปัญหาน้ำท่วมให้กับพี่น้องประชาชน โดย สส.หลายคนของพรรคเพื่อไทย ก็กำลังหารือว่า เราจะบูรณาการอย่างไร ในการแก้ปัญหาน้ำท่วม ซึ่งต้องคุยกันหลายจังหวัด เพราะมีทั้งโขงชีมูล ขณะเดียวกัน ตนยังพากรมทางหลวง มาลงพื้นที่ด้วย เพื่อมาติดตามแนวทางการแก้ปัญหาถนนทรุด รวมถึงที่ต้องซ่อมแซม
“ผมต้องขอขอบคุณ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่มอบสิ่งของเหล่านี้ มาดูแลพี่น้องประชาชน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาล ไม่ละเลยในเรื่องนี้ และดูแลอย่างเต็มที่ที่สุด โดยก่อนมา ผมได้เดินทางไปดูจุดที่น้ำทะลักเข้ามา จึงเข้าใจความเดือดร้อน ดังนั้น จึงขอฝากไปยังท่านผู้ว่าราชการทุกจังหวัด ต้องช่วยกันจัดทำงบเข้าสู่ระบบ เพื่อช่วยผลักดันโครงการเข้าสู่ไทยวอเตอร์แพน ซึ่งกระบวนการอาจจะมีมาก แต่เราต้องทำ เพื่อประชาชน จะได้ หลุดพ้นจากเหตุน้ำท่วม นอกจากนี้ เรา ต้องหาแนวทางเฉพาะหน้าด้วย เช่น การสร้างฝายซอยซีเมนต์ รวมถึงการทำธนาคารน้ำใต้ดิน เพื่อช่วยบรรเทาเหตุ โดยตรงกับนโยบายของรัฐบาล ในเรื่องการเพิ่มพื้นที่แหล่งน้ำ ดังนั้น ต้องเดินหน้าอย่างเต็มที่”นายสมศักดิ์ กล่าว
นอกจากนี้ นายสมศักดิ์ พร้อมคณะ ยังได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำอีก 2 จุด คือ ตรวจพื้นที่ฝายดินซีเมนต์ลำน้ำยัง บ้านบาก ตำบลวังหลวง และ ตรวจเยี่ยมประตูระบายน้ำลำน้ำชีตอนกลาง โดยนายสมศักดิ์ ได้ลงไปดูผนังกั้นน้ำลำน้ำชี ที่พบว่า พังทุกปี และที่ผ่านมาใช้งบประมาณของ อบต. ซ่อมแซม ซึ่งอาจไม่ได้มาตรฐาน นายสมศักดิ์ จึงได้ประสานให้ผู้ว่าฯนำเข้าสู่การจัดทำงบประมาณ เพื่อแก้ปัญหาแบบระยะยาวด้วย.-สำนักข่าวไทย