นิด้าโพลชี้กลุ่มตัวอย่าง 44% ไม่อยากมีลูก เหตุไม่อยากเพิ่มค่าใช้จ่าย

กรุงเทพฯ 1 ต.ค. – นิด้าโพลเผยผลสำรวจ “มีลูกกันเถอะน่า” พบ 29.39% โสดไม่มีแฟน รองลงมาแต่งงานมีลูกแล้ว และร้อยละ 44.00 ไม่อยากมี เหตุไม่อยากเพิ่้มภาระค่าใช้จ่าย สภาพสังคมปัจจุบัน กลัวเลี้ยงได้ไม่ดี


ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” เปิดเผยผลสำรวจประชาชนเรื่อง “มีลูกกันเถอะน่า” จากประชาชนที่มีอายุระหว่าง 18-40 ปี

เมื่อถามถึงสถานะการแต่งงานและการมีลูก พบว่าตัวอย่างร้อยละ 29.39 ระบุว่าเป็นโสดและไม่มีแฟน รองลงมา ร้อยละ 26.57 ระบุว่าแต่งงานจดทะเบียนสมรสและมีลูกแล้ว ร้อยละ 20.92 ระบุว่าเป็นโสดแต่มีแฟนแล้ว ร้อยละ 10.99 ระบุว่าแต่งงานไม่ได้จดทะเบียนสมรสและมีลูกแล้ว ร้อยละ 4.58 ระบุว่าแต่งงานจดทะเบียนสมรสแต่ไม่มีลูก ร้อยละ 2.52 ระบุว่าเป็นแม่หรือพ่อเลี้ยงเดี่ยว (ม่ายที่มีลูกแล้ว โสดและมีลูกแล้ว) ร้อยละ 1.98 ระบุว่าแต่งงานไม่ได้จดทะเบียนสมรสแต่ไม่มีลูก และมีคู่ครอง (อยู่ด้วยกันแต่ไม่ได้แต่งงาน) และมีลูกแล้ว ในสัดส่วนที่เท่ากัน และร้อยละ 1.07 ระบุว่ามีคู่ครอง (อยู่ด้วยกันแต่ไม่ได้แต่งงาน) แต่ไม่มีลูก


เมื่อสอบถามผู้ที่ยังไม่มีลูก จำนวน 759 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการอยากมีลูก พบว่าตัวอย่างร้อยละ 53.89 ระบุว่าอยากมี รองลงมา ร้อยละ 44.00 ระบุว่าไม่อยากมี เมื่อสอบถามผู้ที่ไม่อยากมีลูก จำนวน 334 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับสาเหตุที่ไม่อยากมีลูก พบว่าตัวอย่างร้อยละ 38.32 ระบุว่าไม่อยากเพิ่มค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงลูก และเป็นห่วงว่าลูกเราจะอยู่อย่างไรในสภาพสังคมปัจจุบัน ในสัดส่วนที่เท่ากัน รองลงมาร้อยละ 37.72 ระบุว่าไม่อยากมีภาระต้องดูแลลูก ร้อยละ 33.23 ระบุว่าต้องการชีวิตอิสระ ร้อยละ 17.66 ระบุว่ากลัวเลี้ยงลูกได้ไม่ดี ร้อยละ 13.77 ระบุว่าอยากให้ความสำคัญกับงานมากกว่า ร้อยละ 5.39 ระบุว่าสุขภาพตนเองหรือคู่ครองไม่ค่อยดี ร้อยละ 2.10 ระบุว่ากลัวพ่อพันธุ์แม่พันธุ์จะไม่ดี ทำให้ลูกที่เกิดมาไม่ดีไปด้วย และร้อยละ 0.90 ระบุว่ากลัวกรรมตามสนอง เนื่องจากเคยทำไม่ดีไว้กับพ่อแม่

ส่วนความกังวลต่อจำนวนเด็กเกิดใหม่ในอนาคตว่าจะมีน้อยมาก พบว่าตัวอย่างร้อยละ 50.53 ระบุว่าไม่กังวลเลย รองลงมา ร้อยละ 23.13 ระบุว่าไม่ค่อยกังวล ร้อยละ 17.79 ระบุว่าค่อนข้างกังวล และร้อยละ 8.55 ระบุว่ากังวลมาก

เมื่อถามถึงมาตรการที่รัฐควรสนับสนุนเพื่อให้คนไทยมีลูก พบว่าตัวอย่างร้อยละ 65.19 ระบุว่าสนับสนุนการศึกษาฟรีในประเทศจนถึงขั้นสูงสุดสำหรับคนมีลูก รองลงมาร้อยละ 63.66 ระบุว่ารัฐอุดหนุนค่าเลี้ยงดูลูกจนถึงอายุ 15 ปี ร้อยละ 30.00 ระบุว่าลดภาษีเงินได้สำหรับคนมีลูก ร้อยละ 29.47 ระบุว่าเพิ่มวันลาให้แม่และพ่อในการเลี้ยงดูลูก ร้อยละ 21.91 ระบุว่ามีเงินรางวัลจูงใจที่สูงสำหรับเด็กแรกเกิด ร้อยละ 19.92 ระบุว่าอุดหนุนทางการเงินแม่ พ่อเลี้ยงเดี่ยว ร้อยละ 17.18 ระบุว่าพัฒนาและอุดหนุนการเงิน ศูนย์เลี้ยงเด็กเล็ก ร้อยละ 9.85 ระบุว่ามีบริการฟรี ศูนย์ผู้มีบุตรยาก ร้อยละ 7.48 ระบุว่าเพิ่มภาษีเงินได้สำหรับคนไม่มีลูก ร้อยละ 5.50 ระบุว่ารัฐเปิดช่องทางในการอุ้มบุญมากขึ้น ร้อยละ 4.89 ระบุว่ารัฐมีหน่วยงานจัดหาคู่ให้กับคนไทย.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง