“เศรษฐา” ยันไม่มีแนวคิดปลดผู้ว่าการ ธปท.

สหรัฐ 21 ก.ย. – นายกฯ ยืนยันไม่มีแนวคิดปลดผู้ว่าการ ธปท. ระบุกระแสข่าวดังกล่าวเป็นเรื่องตลก ยันประสานการทำงานกันได้อย่างดี กรณีเงินบาทอ่อนค่า เหตุจากนักลงทุนเก็งกำไรส่วนต่างดอกเบี้ยระยะสั้น ชี้ส่งออก-ท่องเที่ยวได้ประโยชน์ ย้ำกรณีรัฐบาลมีแผนระดมเงินไม่กระทบภาคเอกชน ชี้สภาพคล่องมีเพียงพอ


นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยืนยันว่า ไม่เคยมีความคิดที่จะปลดผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ตามที่มีกระแสข่าวในขณะนี้ พร้อมระบุว่า กระแสข่าวดังกล่าวเป็นเรื่องที่ตลกมาก ซึ่งตนกับผู้ว่าการ ธปท.ไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน และการทำงานระหว่างตนกับผู้ว่าการ ธปท. สามารถทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดี โดยที่ผ่านมาได้มีการหารือเกี่ยวกับการออกดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งผู้ว่าการ ธปท.ก็ให้คำแนะนำ ตนก็พร้อมรับและปฏิบัติ ดังนั้น จึงไม่มีความคิดในเรื่องดังกล่าวอย่างแน่นอน

“ผมว่าเป็นเรื่องที่น่าตลกมากๆ เลย ไม่เคยมีความคิด ไม่แน่ใจว่ามาได้อย่างไร ผมเจอผู้ว่าการ ธปท.มา 3-4 หน ตั้งแต่เข้ามาอยู่ในวงการการเมืองก็คุยกันได้ด้วยดี ตั้งแต่ก่อนไปรับตำแหน่ง ท่านก็ไปที่พรรคเพื่อไทย ผมก็เจอทั้งฟูลทีมเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต ท่านก็ให้ข้อเสนอแนะและข้อคิดมา ซึ่งผมก็น้อมรับและปฏิบัติ เจอกันที่กระทรวงการคลังก็คุยกันด้วยดี ท่านก็เสนอแนะมา มีคนไปพูดว่า นายกฯ ไม่มีสิทธิ์ไปไล่ท่านผู้ว่าฯ ออก ความคิดยังไม่มีเลยครับ อย่าว่าแต่สิทธิ์เลยครับ ผมว่าอันนี้ต้องขอความเป็นธรรมกับผมและท่านผู้ว่าการ ธปท.ด้วย เราไม่เคยมีเรื่องอะไรกันมาก่อน ก็ให้ความเคารพ ต่างคนต่างเคารพซึ่งกันและกัน ไม่มีเรื่องนี้แน่นอน”


สำหรับกรณีที่ค่าเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐปรับอ่อนลงในขณะนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องค่าเงินบาทนั้น อยู่ในความกำกับดูแลของ ธปท. ทางรัฐบาลไม่ได้ก้าวก่ายอะไร ซึ่งตนเข้าใจว่า การที่เงินบาทอ่อนค่าลงนั้น เป็นเรื่องส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น ทำให้เงินทุนไหลออก เพื่อไปเก็งกำไรประเทศอื่นที่มีส่วนต่างดอกเบี้ยสูงกว่า แต่ตนไม่อยากบอกว่า เงินบาทที่อ่อนจะไม่ดีเสมอไป ซึ่งบาทที่อ่อนค่า ก็จะมาช่วยเรื่องการส่งออกที่ทำให้ตัวเลขดีขึ้น หรือการท่องเที่ยวที่เราจะได้รับเงินมากขึ้น และทำให้คนมีเงินเหรียญอยากมาเที่ยวบ้านเรามากขึ้น

ส่วนกรณีอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับเพิ่มสูงมากในช่วงนี้ ซึ่งในตลาดมองว่าเป็นผลจากการคาดการณ์เรื่องอัตราดอกเบี้ยนโนบายที่จะปรับเพิ่มขึ้น รวมถึงการระดมเงินที่มากขึ้นของรัฐบาล นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในเรื่องการระดมเงินของรัฐนั้น ยืนยันว่าจะไม่กระทบต่อสภาพคล่องในตลาด ซึ่งตนได้หารือกับกระทรวงการคลังในเรื่องดังกล่าวแล้ว ดังนั้น จึงมองว่าไม่ใช่ประเด็น

“ผมว่าสภาพคล่องในประเทศมีอยู่เยอะมาก ไม่น่าใช่ประเด็น ได้คุยกับทางกระทรวงการคลังแล้ว ดังนั้น กรณีที่เอกชนมองว่าเราจะแย่งสภาพคล่อง ไม่น่ากังวล เพราะเรามีสภาพคล่องเยอะมาก ไม่น่ากังวลเลย” – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง