พรรครวมไทยสร้างชาติ 14 ก.ย. – โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ ย้ำมาตรการลดราคาน้ำมัน-ไฟฟ้า เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนตามที่หาเสียงไว้ วอนภาคเอกชนลดราสินค้า หลังต้นทุนในการขนส่งลดลง
นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงมาตรการของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในการบรรเทาความเดือดร้อนประชาชน ลดค่าไฟฟ้า-น้ำมัน ว่าพรรครวมไทยสร้างชาติได้ประกาศนโยบายในการหาเสียงว่าจะลดค่าครองชีพประชาชน เมื่อได้เข้ามาเป็นพรรคร่วมรัฐบาล นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้เสนอนโยบายลดราคาเชื้อเพลิงและค่าไฟฟ้า ได้รับความเห็นชอบจาก ครม. ทางพรรครวมไทยสร้างชาติต้องขอบคุณ ครม. ที่อนุมัติมาตรการที่นายพีระพันธุ์เสนอ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชน
นายอัครเดช กล่าวว่า จากนี้ไปขอให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการ รวมถึงภาคเอกชนทุกภาคส่วน ช่วยกันลดราคาสินค้าให้กับพี่น้องประชาชนด้วย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน เมื่อราคาน้ำมันดีเซลลดลง ซึ่งถือเป็นต้นทุนในการขนส่ง จะทำให้ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคลดลงด้วย กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงภาคเอกชน ต้องช่วยกันสนับสนุนการลดราคาสินค้าให้กับประชาชนด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ มาตรการลดราคาน้ำมันเชื้อเพลิง และลดไฟฟ้า คงไม่ใช่มาตรการเดียวที่จะทำ หลังจากนี้กระทรวงพลังงานยังมีมาตรการอื่นๆ ทยอยออกมา เพื่อช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนให้ได้ทุกกลุ่ม ตามที่นายพีระพันธุ์ประกาศไว้ เช่น การช่วยเหลือเกษตรกร การช่วยเหลือกลุ่มแท็กซี่ และผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง นายพีระพันธุ์เพิ่งทำงานวันแรก หลังจากนี้จะทยอยมีมาตรการต่างๆ ออกมาเรื่อยๆ ขอให้ประชาชนติดตามมาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลจะทยอยประกาศออกมา
โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงเสียงวิจารณ์ต่อมาตรการดังกล่าวว่า รัฐบาลนี้มาจากประชาชนผ่านการเลือกตั้งให้เข้ามาบริหารประเทศอะไรที่ได้หาเสียงไว้ก็ถือเป็นความรับผิดชอบต่อพี่น้องประชาชน เมื่อแต่ละพรรคการเมืองได้เข้าไปบริหารในแต่ละกระทรวงจะนำนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ไปขับเคลื่อน เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน ในส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติตระหนักดีว่าเราต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่ได้สัญญากับประชาชนเอาไว้
“การที่ฝ่ายค้านวิจารณ์นโยบายดังกล่าวก็เข้าใจ แต่ไม่ว่าใครมาเป็นรัฐบาล เมื่อเข้ามาบริหารประเทศต้องใช้เงินงบประมาณในการแก้ไขปัญหา ช่วยเหลือประชาชน แม้แต่พรรคฝ่ายค้านที่วิจารณ์ ถ้าเข้ามาเป็นรัฐบาลหากจะช่วยเหลือประชาชนก็ต้องใช้งบประมาณของแผ่นดิน แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือ การใช้งบประมาณช่วยเหลือประชาชนต้องเกิดความโปร่งใส ไร้การรั่วไหลของเงินงบประมาณ จะประชานิยมหรือไม่ประชานิยมไม่สำคัญ แต่ที่สำคัญคือ ต้องไม่มีทุจริตคอร์รัปชัน และเป็นโครงการที่เกิดประโยชน์กับประชาชน สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ต้องยึดหลักเอาไว้” นายอัครเดช กล่าว.-สำนักข่าวไทย