อุดรธานี 12 ก.ย.- ปลัด สธ.ขานรับ ยกระดับ 30+ บูรณาการ หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ปรับแก้นิยามคนกลุ่มเปราะบาง รวมคนเมือง เนื่องจากบทเรียนโควิดไม่ครอบคลุมเข้าถึงรักษาเทียบชนบท ใช้บัตรประชาชนครอบคลุมการรักษาทุกที่ พร้อมตั้งเป้า 5 ปี ขจัดเอดส์หมดไปจากไทย
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดมหกรรมการจัดการความรู้จากบทเรียนโควิด-19 และโครงการประชุมวิชาการกระทรวงสาธารณสุข ประจำปี 2566 ภายใต้แนวคิด “ยกระดับสาธารณสุขไทยเพื่อสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน” พร้อมมอบรางวัล นักการสาธารณสุขดีเด่น รางวัลชัยนาทนเรนทร ประจำปี 2565 มอบรางวัลเหรียญเชิดชูเกียรติ “ขุนประเมินวิมลเวชช์” ประจำปี 2566 แก่ ศ.กิตติคุณ นพ.ประพันธ์ ภานุภาค จากการเป็นผู้อุทิศตนด้านการป้องกันควบคุมโรค สร้างความเข้มแข็งของระบบการสาธารณสุขไทย ที่แก้ไขปัญหาโรคเอดส์ และตั้งเป้าว่าจะขจัดโรคเอดส์ให้หมดได้ภายใน 5 ปีซึ่งตอนในฐานะลูกศิษย์และแพทย์อีกหลายคนที่เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์รับปากจะเร่งผลักดันแก้ไขปัญหาเอดส์ให้หมดไปจากประเทศไทยภายใน 5 ปี
ทั้งนี้ ยังกล่าวถึงเตรียมพัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพแบบยกระดับ เป็น 30+ (สามสิบบาทพลัส) ตามเป้าหมายการดำเนินการของ รมว.สธ.พร้อม นิยามระบบสาธารณสุขในชุมชนกลุ่มเปราะบางใหม่ จากเดิมคนชายขอบชายแดน กลับเป็นกลุ่มคนอยู่ใจกลางเมืองหลวง จากการเกิดปัญหาดราม่าบ่อยครั้ง และการนำเทคโนโลยีหรือเทเลเมดิซีนมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยการดำเนินงานต้องสอดคล้องกับภาระงานของระบบสาธารณสุข การกระจายงานที่สมดุล ระหว่างเจ้าหน้าที่สาธารณสุขกับการขยายบริการ เพื่อขับเคลื่อนไปข้างหน้าถือว่าเป็นโจทย์ที่ท้าทายที่ต้องปฏิบัติ ส่วนเรื่องใช้บัตรประชาชนใบเดียวในการใช้บริการหลักประกันสุขภาพนั้น ก็เพื่อความสะดวกและการเข้าถึงการให้บริการ เหมาะสำหรับคนที่ทำงานข้ามจังหวัด แต่ต้องมีการหารือและพูดคุยเริ่องการเบิกจ่าย เนื่องจากกระทรวงสาธารณสุข ครอบคลุม รพ.แค่ 70% ยังมี รพ.สังกัดอื่น ทั้ง รพ.แพทย์ และสังกัดอื่น
ศ.กิตติคุณ นพ.ประพันธ์ ภานุภาค อดีต ผอ.ศูนย์วิจัยโรคเอดส์และวัณโรค ที่รับรางวัลขุนประเมินวิมลเวชช์ กล่าวว่า ความสำเร็จจนได้รับรางวัลนี้เนื่องมาจากได้รับการสนับสนุนและผลักดันเชิงนโยบายและมีแพทย์อีกหลายคนร่วมการดำเนินงานขจัดโรคเอดส์ ซึ่งการดำเนินงานแก้ไขปัญหาโรคเอดส์ที่ผ่านมาของไทยมีความพร้อมในทุกด้าน ทั้งด้านงบประมาณสนับสนุนจึงคาดว่าภายในอีก 5 ปี ในรัฐบาลชุดนี้สามารถผลักดันและให้เป็นจริงได้จึงอยากให้ทุกฝ่ายร่วมกันเพื่อยุติปัญหาเอดส์ในประเทศไทย. -สำนักข่าวไทย