รัฐสภา 11 ก.ย. – นายกฯ ลุกขึ้นขอบคุณคำแนะนำจากสมาชิกรัฐสภา แจงหลายเรื่อง ย้ำแก้ รธน.ไม่แตะหมวด 1-2 ยันยังคงรัศมี 4 กม. เงินดิจิทัล แต่จะพิจารณาขยายบางพื้นที่ห่างไกล ชี้จำเป็นต้องใช้ใน 6 เดือน กระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ตั้งเป้าหมายเศรษฐกิจโตเฉลี่ยปีละ 5% ตลอด 4 ปี ลั่นไม่ยกเลิกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
เมื่อเวลา 17.33 น. วันนี้ (11 ก.ย.66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นชี้แจงเป็นครั้งแรกของวัน โดยขอบคุณทุกความเห็นจากสมาชิกรัฐสภาที่ให้คำแนะนำกับรัฐบาล ในการดำเนินนโยบายรัฐบาลจะยึดโยงประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง และประชาชนของรัฐบาลนี้ครอบคลุมทุกกลุ่ม ทั้งคนเมือง คนต่างจังหวัด และคนทุกฐานะ รวมถึงข้าราชการ อย่างเท่าเทียมและทั่วถึง
นายกรัฐมนตรี ยังยืนยันเพื่อให้เกิดความชัดเจนเรื่องนโยบายการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่าจะไม่แก้ไขหมวดหนึ่งและหมวดสอง ว่าด้วยเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งจะดำรงไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ส่วนเรื่องการพักหนี้เกษตรกร ทราบหรือไม่ว่า 9 ปีที่ผ่านมา มีการพักหนี้มาแล้วถึง 13 ครั้ง แม้หลายคนจะท้วงติงว่า การพักหนี้ไม่ใช่การแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน แต่เราตระหนักดี จึงมีมาตรการหลายอย่างเพื่อเพิ่มรายได้ เช่น การทำให้รายได้เกษตรกรเพิ่มขึ้น 3 เท่า ภายในเวลา 4 ปี ด้วยการใช้ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ ควบคู่ไปกับการพักหนี้ เพื่อทำให้เกษตรกรหายใจได้ ลืมตาอ้าปากได้ เป็นช่วงที่ฟื้นฟูตัวเอง และมีกำลังใจในการแก้ไขปัญหา ประกอบอาชีพอย่างมีเกียรติและมีศักดิ์ศรี ซึ่งการพักหนี้ครั้งนี้จะทำประโยชน์มากกว่าการพักหนี้ในอดีต 9 ปีที่ผ่านมา
ส่วนเรื่อง 4 กิโลเมตร ของนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราตระหนักดีว่าชนบทอาจจะมีร้านค้าไม่เพียงพอ จึงขอไปดูรายละเอียดและดำเนินงานให้เหมาะสมตามคำแนะนำของสมาชิก ขณะที่เรื่องระยะเวลาในการใช้ 6 เดือน เรื่องนี้จำเป็น เราต้องการให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ดังนั้น ระยะเวลาในการใช้เงินครั้งนี้จึงเป็นเรื่องที่เราให้ความสำคัญอย่างมาก
สำหรับกรณีที่มีบางคนบอกว่า อยากให้ยกเลิกการใช้รัศมี 4 กิโลเมตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เศรษฐกิจภูมิภาคต้องการการกระตุ้น คนที่มีถิ่นฐานอยู่ที่จังหวัดใด ก็ควรกลับไปใช้ที่นั่น ซึ่งมีเวลาถึง 6 เดือน กลับไปเยี่ยมญาติพี่น้อง ทำให้สถาบันครอบครัวแข็งแกร่งขึ้น เพราะฉะนั้น 4 กิโลเมตร ตามบัตรประชาชนขอคงไว้ ยกเว้นบางเขตอาจจะต้องขยาย
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า จะผลักดันให้มีการท่องเที่ยวมากขึ้น ซึ่งจะเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว และรัฐบาลเรามีแผนหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการยกเว้นขอวีซ่าเข้ามาในประเทศไทยสำหรับบางประเทศ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ การท่องเที่ยวเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น เพื่อนำเงินเข้ามาในประเทศ ทำให้ภาคท่องเที่ยวเติบโตอีกครั้ง ตั้งเป้าสร้างเงินรายได้ประมาณ 3 ล้านล้านบาท/ปี
และมีคำถามเข้ามาเยอะเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ก็สมควรได้รับการปรับโดยเร็วที่สุด ซึ่งเราตั้งเป้าหมายว่าจะทำให้เศรษฐกิจโตเฉลี่ยปีละ 5% ตลอด 4 ปี ซึ่งจะทำให้ค่าแรงขึ้นไปถึง 600 บาท/วัน ปริญญาตรี 25,000 บาท/เดือน
ส่วนค่าพลังงานเป็นเรื่องที่พี่น้องให้ความสำคัญอย่างยิ่ง และเป็นเรื่องที่เราตระหนักดีว่า การลดค่าใช้จ่ายของพลังงานเป็นเรื่องสำคัญ เราก็มั่นใจว่าสามารถทำให้ราคาพลังงานต่ำลงอย่างมีนัยได้ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องชี้แจงต่อ
นายกรัฐมนตรี ยังยืนยันว่า บัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชนยังคงมีอยู่
ส่วนเรื่องทรัพยากรธรรมชาติ ที่จะต้องจัดสรรเพื่อให้ประชาชนมีที่ดินทำมาหากินได้ จะต้องดูทั้งที่ดิน ส.ป.ก. และที่ดินของหน่วยงานรัฐอื่นๆ ผ่านรูปแบบที่เหมาะสม ทำให้พี่น้องมีที่ดินทำกินอย่างมีศักดิ์ศรี
สำหรับเรื่องน้ำในอีอีซี นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของรัฐบาลอยู่แล้วที่จะต้องดูแลอย่างเหมาะสมทุกมิติ การบริหารจัดการเรื่องน้ำให้มีความเหมาะสมระหว่างภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรม การอุปโภคบริโภค และรักษาไว้ซึ่งความสมดุลของระบบนิเวศ
ขณะที่การแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 นายกรัฐมนตรี ระบุว่า อีก 5 เดือนก็จะเข้าสู่วิกฤติของภาคเหนือ เราจะเริ่มทำโดยเร็ว ให้เห็นผลภายในต้นปี ดำเนินการส่วนที่ไม่ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก แล้วค่อยๆ พัฒนาเรื่องอื่นตามขีดจำกัดของงบประมาณที่ทำได้
ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะทิ้งท้ายเรื่องแก้ปัญหาการทุจริต โดยยืนยันว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องโปร่งใส จะนำระบบดิจิทัลมาใช้ให้มากขึ้น เพื่อลดการทุจริต ประพฤติมิชอบ. – สำนักข่าวไทย