รัฐสภา 16 ส.ค.-“รังสิมันต์” ยัน “พิธา” ไม่ยื่นศาลรธน.ให้ตีความญัตติไม่ให้เสนอชื่อซ้ำ แต่จะใช้กลไกสภาฯ เดินหน้าญัตติให้ทบทวนมติรัฐสภาที่ไม่ให้เสนอชื่อซ้ำแทน
นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล แถลงถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ไม่รับคำร้องผู้ตรวจการแผ่นดินที่ขอวินิจฉัยมติรัฐสภาห้ามเสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีรอบสอง ขัดต่อ รธน.หรือไม่ เพราะไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรงว่า คำวินิจฉัยที่ออกมาเท่ากับว่าศาลรัฐธรรมนูญยังไม่ได้พิจารณาในเนื้อหาสาระ ซึ่งถือเป็นเรื่องเทคนิคและกระบวนการ และพรรคก้าวไกลก็เล็งเห็นถึงกรณีนี้ ว่าเป็นเรื่องที่รัฐสภา สามารถพิจารณากันเองได้ ไม่จำเป็นต้องให้องค์กรภายนอกวินิจฉัย โดยหากสิ่งใดที่ทำไปแล้วไม่ถูกต้อง โดยหลักการสภาก็มีอำนาจในการวินิจฉัย และพวกตนก็ได้มีมติในการเสนอญัตติ ให้รัฐสภาทบทวนญัตติที่ไม่ให้เสนอชื่อนายพิธาซ้ำ ดังนั้นในการเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งต่อไป ทางพรรคก้าวไกลก็ยืนยันที่จะเสนอญัตติดังกล่าวต่อ และเชื่อว่ากระบวนการตรงนี้จะทำให้สภาได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง และพรรคก้าวไกล โดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ซึ่งเป็นผู้เสียหายโดยตรงก็จะ ไม่มีการยื่นคำร้องด้วยตัวเองให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
” ราไม่ยื่นแน่นอนและความจริงเราพูดหลายครั้งว่าเราโดนเป็นเป้าของการเสนอไม่ให้เสนอนายกฯ ซ้ำ เราโดนกับตัวเราเองและเราก็ยืนยันมาโดยตลอดว่ากิจการตรงนี้เป็นกิจการของสภา ศาลรัฐธรรมนูญไม่ควรจะเข้ามา ก็เลยเป็นกระบวนการที่เราอยากจะใช้กลไกของสภา นี่คือสิ่งที่เราให้ความสำคัญมากที่สุดดังนั้นก็จะไม่เห็นคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์เสนอเรื่องนี้ไปยังศาลรัฐธรรมนูญอย่างแน่นอน” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า การเสนอญัตติดังกล่าวไม่ใช่การตีรวนทางการเมือง เพราะทุกคนทราบดีว่าถ้าก้าวไกลไม่อยู่ในสถานะที่จะเสนอเพื่อให้นายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง เพราะนายพิธาไม่ได้อยู่ในจุดนั้นแล้ว แต่เห็นว่าเป็นหลักการที่ถูกต้องและเป็นหลักการตามรัฐธรรมนูญ โดยหวังว่าการเสนอตรงนี้จะทำให้สภาฯ ได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องเท่านั้น เพราะยืนยันว่าสถานะของการเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีไม่ว่าจะเป็นใครก็แล้วแต่ จะต้องมีสถานะตามรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่ว่าเสนอไปแล้วไม่ผ่านรอบแรก จะทำให้สถานะนั้นไม่มีอีกแล้ว ซึ่งถือเป็นการเล่นการเมืองโดยไม่พิจารณาบนพื้นฐานข้อเท็จจริงตามกฎหมาย
“ขอยืนยันว่าการเสนอแคดิเดตนายกรัฐมนตรีไม่ว่าจากพรรคใดหากไม่ผ่านรอบแรก ก็ควรจะมีสิทธิ์เสนอได้อีก ดังนั้น การเสนอของพรรคก้าวไกลในครั้งนี้ ไม่ว่าแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจะเป็นใคร ก็ได้ประโยชน์ทั้งสิ้น เว้นแต่จะมีบางพวก บางกลุ่มที่ต้องการวางหมากให้การเสนอนายกรัฐมนตรีเกิดขึ้นได้เพียงครั้งเดียว เพื่อให้พรรคการเมืองอย่างพรรคก้าวไกลไม่ผ่านและพรรคการเมืองบางพรรคไม่ผ่าน และหวังว่าตัวเองจะได้ประโยชน์จากตรงนี้ หรืออีกทางหนึ่งจะเป็นการปูทางไปสู่นายกรัฐมนตรีคนนอกซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะต้องใช้เสียง 2 ใน 3 ของสมาชิกรัฐสภา เชื่อว่าการเสนอให้โหวตนายกรัฐมนตรีได้เพียงครั้งเดียวไม่ใช่เจตนาดีแน่ๆ เพราะการที่เสนอชื่อนายกรัฐมนตรีซ้ำไม่ได้ เราก็จะเริ่มห่างไกลจากรัฐบาลที่สะท้อนเสียงของประชาชนไปเรื่อยๆ สุดท้ายจะได้รัฐบาลที่ไม่ได้เป็นหน้าตาที่ประชาชนต้องการ ถือเป็นการทำลายระบอบประชาธิปไตย ทำลาย การเมืองแบบรัฐสภาและทำลายความหวังของพี่น้องประชาชนอย่างรุนแรง” นายรังสิมันต์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย