ทำเนียบรัฐบาล 15 ส.ค. –“อนุทิน” คาด 1-2 วันนี้คุยเพื่อไทยเรื่องรายละเอียดเก้าอี้รมต. ยังไม่ทราบได้กี่ที่นั่ง พูดก่อนจะเป็นการกดดันกัน แต่หลายพรรคเห็นตรงกันควรให้จบก่อนโหวตนายกฯ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงการพูดคุยกับพรรคเพื่อไทยถึงโควต้าคณะรัฐมนตรีก่อนโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีว่า พูดคุยกันมาตลอด แต่ในรายละเอียดน่าจะได้คุยกัน 1-2 วันนี้ ยอมรับว่าได้มีการประสานมา และขณะนี้ยังพอมีเวลาอยู่ พอจะทราบว่าภูมิใจไทยจะได้กี่ตำแหน่ง แต่ยังไม่ได้พูดคุยเรื่องกระทรวง
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าพรรคภูมิใจไทยจะได้คุมกระทรวงด้านสังคม หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า กระแสไหน ยังไม่ได้พูดคุยกันถึงตรงนั้น เรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องน่าหนักใจ เราทราบดีว่าจะต้องคุยในลักษณะไหน บนบริบทที่มีอยู่ในปัจจุบัน ต้องเป็นไปในเชิงสร้างสรรค์ ซึ่งตำแหน่งรัฐมนตรีควรชัดเจนก่อนโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ทุกฝ่าย ทุกพรรคแสดงความเห็นออกมาในแนวทางนั้น ส่วนพรรคภูมิใจไทยได้วางเป้าหมายว่าจะคุมกระทรวงใดหรือไม่ ต้องรอไปพูดคุยกันก่อน หากไปพูดไว้ก่อนจะถือเป็นการกดดันซึ่งกันและกัน ในเวลานี้จะกดดันกันเองไม่ได้ ควรจะใช้วิธีการหารือกันหาข้อตกลงร่วมกันให้เป็นที่พอใจของทุกฝ่าย
เมื่อถามถึงกระแสข่าวพรรคเพื่อไทยไม่ต้องการให้รัฐมนตรีเดิมคุมกระทรวงเดิม นายอนุทิน กล่าวว่า ขออย่าเพิ่งไปใส่ใจกระเเส คนที่พรรคภูมิใจไทยได้รับมอบหมายให้ไปหารือด้วยมีเพียง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค คุยกันอยู่แค่ในวงนี้ หากไปฟังคนโน้นคนนี้พูดม่ได้ พูดคุยกันตามช่องทางที่ได้ตกลงกันไว้ ส่วนพรรคภูมิใจไทยจะได้กี่รัฐมนตรีช่วย กี่ว่าการกระทรวงนั้น คงต้องไปว่ากัน
ส่วนถ้าเป็นสัดส่วน 9 ที่นั่งส.ส.ต่อ 1 กระทรวง หลักเกณฑ์นี้พรรคภูมิใจไทยรับได้หรือไม่ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ต้องรอดูว่ามีกี่พรรคที่จะมาร่วมรัฐบาล เราไปก้าวก่ายไม่ได้ ภูมิใจไทยรู้แล้วว่าเราอยู่ในพรรคร่วมรัฐบาล และดูว่าทำงานตรงไหนที่จะเกิดประสิทธิภาพกับพี่น้องประชาชน เกิดประโยชน์มากที่สุดเพื่อบ้านเมือง ทำงานได้โดยไร้ปัญหา ซึ่งทุกอย่างมีหลักเกณฑ์ในการคำนวณ จำนวนส.ส.ฝ่ายรัฐบาลและสส.แต่ละพรรค ต้องหารือเจรจากัน
“ขณะนี้ยังไม่ทราบวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี แต่คาดว่าจะเป็นสัปดาห์หน้า คงจะต้องรอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับหรือไม่รับเรื่องที่ร้องเรียน ซึ่งถือว่ายังอยู่ในขั้นตอน ต้องรอวันพรุ่งนี้เพื่อให้เกิดความชัดเจนก่อน.-สำนักข่าวไทย